'Synology' รุกโซลูชันจัดการข้อมูล รับเทรนด์โลกยุค 'Data Boom'

ธัชวรรณ ชินชนากานต์ หัวหน้าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท ซินโนโลจี้ จำกัด (Synology) ผู้ให้บริการโซลูชันการจัดเก็บและปกป้องข้อมูลชั้นนำ เปิดมุมมองว่า โลกกำลังก้าวสู่ยุค “Data Boom” คาดว่าภายในปี 2568 ปริมาณข้อมูลทั่วโลกจะสูงถึง 175 เซตตะไบต์ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า

ปริมาณข้อมูลพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องไปกับเทรนด์ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ซึ่งองค์กรต่างพยายามปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัล รวมถึงการมาของ AI ก็มีส่วนอย่างมากเช่นกัน

ซินโนโลจี้พบว่า โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตอย่างรวดเร็ว และกำลังกลายเป็น “Digital Hub” ที่นักลงทุนให้ความสนใจ ซึ่งคาดว่าจากปี 2567 ที่มูลค่าตลาดศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาคจะเพิ่มจาก 1.371 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็น 3.047 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2573

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจพบว่า 85% ขององค์กรยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ความท้าทายหลักเป็นเรื่องของซิเคียวริตี้ โดย 55% เคยเผชิญการโจมตีทางไซเบอร์มาก่อน แต่มีเพียง 22% เท่านั้นที่มั่นใจกับแผนการรับมือและระบบกู้คืนข้อมูล ทั้งยังมีข้อจำกัดด้านค่าใช้จ่าย และทักษะบุคลากร

วางไทยตลาดยุทธศาสตร์

ด้วยเทรนด์นี้บังคับให้องค์กรทุกขนาดต้องเตรียมโครงสร้างทั้งการจัดเก็บ การปกป้อง และการใช้ข้อมูลเชิงประโยชน์ ส่วนของประเทศไทยพบว่า เป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูงมาก โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม การผลิต รวมถึง โรงงานต่าง ๆ 

ซินโนโลจี้วางไทยเป็นหนึ่งในตลาดยุทธศาสตร์หลัก จากการเติบโตที่โดดเด่นในภาคอุตสาหกรรม การศึกษา และภาครัฐ แนวทางธุรกิจเน้นนำเสนอทั้งด้านฮาร์ดแวร์ และโซลูชันแบบครบวงจร

จุดต่างธุรกิจ มั่นใจว่ามีความหลากหลายของโซลูชัน ความง่ายต่อการใช้งานและการบริหารจัดการหลังบ้านซึ่งช่วยลดภาระให้กับฝ่ายไอทีอย่างมาก มากกว่านั้นความปลอดภัยสูง มีอีโคซิสเต็มที่ดี ทีมงานมีความเชี่ยวชาญ ที่สำคัญตอบโจทย์ด้านค่าใช้จ่ายและความคุ้มค่าต่อการลงทุน

ปัจจุบัน ซินโนโลจี้ได้รับการยอมรับในฐานะแพลตฟอร์มจัดการข้อมูลที่เป็นที่เชื่อถือในวงการไอทีระดับโลก จำนวนการติดตั้งกว่า 14 ล้านระบบทั่วโลก และประสบการณ์ในการปกป้องข้อมูลให้แก่ 25 ล้านหน่วยงาน เชื่อมต่ออุปกรณ์กล้องกว่า 2 ล้านตัว ขณะนี้ดำเนินงานในกว่า 120 ประเทศ และได้รับความไว้วางใจจากมากกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทใน Fortune 500

ปักธงนำเสนอ 'โซลูชันครบวงจร'

รหัท บุญตันจีน ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ซินโนโลจี้ จำกัด กล่าวว่า ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันผลักดันให้ 90% ของธุรกิจทั่วโลกเร่งลงทุนด้านดิจิทัล เช่นเดียวกับองค์กรในไทย ทว่าหลายรายต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านงบประมาณและข้อกำหนดด้านกฎหมายอย่าง PDPA ทำให้ตลาดต้องการโซลูชันที่คุ้มค่า ใช้งานง่าย และมีความปลอดภัยสูง

โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีข้อกำหนดเข้มงวด เช่น การเงิน การแพทย์ และการศึกษา ที่จำเป็นต้องมีระบบสำรองข้อมูลและฟื้นฟูหลังเหตุการณ์ (Disaster & Cyber Recovery) ที่พร้อมรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ที่น่าจับตามองยังมีกลุ่มภาครัฐที่ใช้สำหรับการแชร์ข้อมูลภายในองค์กร รวมถึงสตอเรจเพื่อการทรานส์ฟอร์มมาสู่ดิจิทัล

กลยุทธ์การตลาดในไทยเน้นนำเสนอโซลูชัน “Data Infrastructure Management” ที่รวมทั้งการจัดเก็บ (Storage), เครื่องมือการทำงานร่วมกัน (Business Productivity), การปกป้องข้อมูล (Backup & Protection), และ ระบบเฝ้าระวังแบบทั้ง on-premise และบนคลาวด์ (C2 Surveillance)

นอกจากจะช่วยลดจำนวนผู้ให้บริการหลายรายและ subscription plan ที่ยุ่งยากแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนการบริหาร เพิ่มความคล่องตัวในการจัดการแอปพลิเคชันทั้งหมดจากแพลตฟอร์มเดียว ช่วยให้องกรค์สามารถปฏิบัติตามกฎข้อบังคับที่จำเป็นต่าง ๆ (regulation ) และเพิ่มศักยภาพการกู้คืนข้อมูลทั้ง Disaster & Cyber Recovery

ไฮไลต์เช่น Active Protect อุปกรณ์สำรองข้อมูล (backup appliance) สำหรับองค์กรที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อปกป้อง workload หลากหลายรูปแบบ และ หลายไซต์,  PAS7700 ระบบจัดเก็บข้อมูลสำหรับองค์กรแบบ All-NVMe

นอกจากนี้ เตรียมนำเทคโนโลยี AI เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ “Synology Office Suite” ครอบคลุมฟีเจอร์อย่าง OCR (Optical Character Recognition), Semantic Search ระบบค้นหาอัจฉริยะที่เข้าใจความหมายของข้อความ, การสรุปข้อความและเนื้อหา, และการแปลแบบเรียลไทม์

ฟีเจอร์เหล่านี้จะทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กร (on-premise) เพื่อให้ข้อมูลสำคัญยังคงเป็นส่วนตัว พร้อมมอบวิธีการทำงานร่วมกันที่ชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้น 

ตั้งเป้าโต 200% ภายใน 5 ปี

รหัสเผยว่า กลยุทธ์ที่มีการผนวกรวมทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทำให้ที่ผ่านมาซินโนโลจี้สามารถเติบโตได้แบบก้าวกระโดด ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ยอดขายในไทยเติบโตกว่า 250% และตั้งเป้าว่าจะขยายฐานลูกค้าองค์กรอีก 200% ภายใน 5 ปี

พร้อมระบุว่า ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์ หรือ Cyber Resilience ได้กลายเป็นกลยุทธ์หลักขององค์กรทั่วโลก เพราะเป็นรากฐานของทั้งความต่อเนื่องทางธุรกิจและความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว

ยุคที่ข้อมูลคือทรัพย์สินที่มีค่าที่สุด การมีระบบที่สามารถปกป้องและบริหารจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็น

องค์กรไทยกำลังมองหาโซลูชันที่ ปลอดภัย ใช้งานง่าย และสามารถบริหารจัดการได้จากศูนย์กลางโดยไม่ต้องพึ่งพาหลายผู้ให้บริการ ซึ่งตรงกับแนวทางของซินโนโลจี้ที่มุ่งนำเสนอระบบจัดการข้อมูลแบบครบวงจร

ซินโนโลจี้ยังคงเดินหน้าส่งมอบเทคโนโลยีที่ เรียบง่าย ปลอดภัย และยืดหยุ่น เพื่อช่วยให้ทุกองค์กรสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว