'ไปรษณีย์ไทย' จับมือ AIS เปิดจุดรับ E-Waste 121 แห่งทั่วไทย เชื่อมขนส่งสู่รีไซเคิลครบวงจร

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยใช้ศักยภาพเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ มีโครงการ Green Hub เชื่อมจุดรับ-คัดแยก-ขนส่ง E-Waste จากประชาชนและองค์กรไปสู่โรงงานรีไซเคิลมาตรฐานอย่างครบวงจร ตามหลัก Zero Landfill โดยเปิดจุดรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ใช้แล้ว E-Waste ณ ไปรษณีย์ 121 แห่งทั่วไทย

โดยโครงการเพื่อให้คนไทย “ทิ้งให้ถูกที่” ได้สะดวกและปลอดภัยซึ่งความร่วมมือดังกล่าวได้มีพัฒนาการอย่างเป็นรูปธรรมมาโดยตลอดในปี 2567 รวบรวม E-Waste ได้ 38,985 กิโลกรัม สามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 8,396.77 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า และในปี 2568 (ถึงปัจจุบัน) รวบรวมได้แล้ว 2,895 กิโลกรัม ตอกย้ำพลังความร่วมมือของภาคีไทยสู่การลดใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีจำกัด

ไปรษณีย์ไทยยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนภารกิจด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ด้วยการใช้เครือข่ายไปรษณีย์ทั่วประเทศเป็นช่องทางสื่อสาร โดยเชื่อมั่นว่าการ “ทิ้งให้ถูกที่” คือจุดเริ่มต้นสำคัญของการเปลี่ยนแปลงเพื่อยืดเวลาให้โลกและลดผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

เขา ทิ้งท้ายว่า ไปรษณีย์ไทยขอเชิญชวนประชาชนทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพลัง “คนไทยไร้ E-Waste” เพียงนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ใช้แล้ว เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ตเก่า อะแดปเตอร์ หูฟังลำโพง สายชาร์จ  และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชิ้นเล็ก ๆ เป็นต้น ใส่ที่กล่องรับ E-Waste ของ ณ ไปรษณีย์121 แห่งทั่วประเทศ เพื่อส่งต่อเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกวิธี และร่วมกัน “ยืดเวลาให้โลก” ด้วยการเริ่มต้นจากการทิ้งอย่างรับผิดชอบวันนี้ เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของพวกเราทุกคน

ขณะที่ AIS ในฐานะ HUB of E-Waste ผู้นำการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย ตอกย้ำบทบาทองค์กรดิจิทัลเพื่อความยั่งยืน เดินหน้าสร้างพลังความร่วมมือครั้งใหญ่กับพันธมิตร ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ เนื่องในวาระ 14 ตุลาคม ร่วมกันแสดงเจตนารมณ์ International E-Waste Day “วันขยะอิเล็กทรอนิกส์สากล” 

โดยที่ผ่านมา AIS และพันธมิตรได้ร่วมกันเก็บรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่กระบวนการจัดการอย่างถูกวิธีได้ทั้งหมด 1,212,272 ชิ้น ช่วย “ยืดเวลาโลก” ด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 556,573 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO₂e) หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้จำนวน 46,380 ต้น เป็นหลักฐานตอกย้ำถึงพลังความร่วมมือของประเทศไทยที่นานาชาติสามารถมองเห็นได้อย่างเป็นรูปธรรม

ด้านนางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจสื่อสารองค์กรและรัฐกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “AIS มุ่งมั่นขับเคลื่อนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด ‘การสร้างการเติบโตร่วมกันของคนและสิ่งแวดล้อมในโลกดิจิทัล’ เราจึงเดินหน้าเป็นศูนย์กลางการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ของ

ประเทศไทย หรือ HUB of E-Waste เพื่อทำงานร่วมกับพันธมิตรกว่า 250 องค์กร ทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา ขับเคลื่อนภารกิจ ‘คนไทยไร้ E-Waste’ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อโลกกำลังส่งสัญญาณเตือนให้เราตระหนักถึงวิกฤติขยะอิเล็กทรอนิกส์ เราต้องร่วมมือกันมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ทุกการทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลที่ถูกวิธี เปลี่ยนเป็นพลังในการยืดเวลาให้โลกอยู่กับเราได้นานที่สุด