'ทรู' มอง AI เป็นทั้งโอกาส และกับดัก แนะเร่งรหัสดิจิทัลสร้างความอยู่รอด

ซิกเว่ เบรกเก้ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและดิจิทัล บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวในเวที Thailand Economic Outlook 2026 : Out of the Trap หัวข้อ The Digital Survival Code : Thriving in the Age of AI and Uncertain World Economic Shock ว่า โลกธุรกิจกำลังเผชิญความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากเทคโนโลยี โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ AI ซึ่งไม่เพียงเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ของเศรษฐกิจโลก แต่ยังเป็น “กับดักเงียบ” ที่พร้อมดูดกลืนองค์กรที่ปรับตัวไม่ทัน

AI คือ ทั้งโอกาส และกับดัก หากองค์กรยังลังเลที่จะเริ่มต้น วันหนึ่งจะรู้ตัวว่าช้าเกินไปจะกลับมาแข่งขันได้อีก

เขากล่าวว่า ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีคือ เครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่ง 6 อุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ การประมวลผลข้อมูล ซอฟต์แวร์ โทรคมนาคม อุตสาหกรรมการผลิต อีคอมเมิร์ซ และเทคโนโลยีบริการ คิดเป็นกว่า 35% ของ GDP ในทศวรรษที่ผ่านมา การเติบโตนี้สะท้อนให้เห็นว่าคลื่นเทคโนโลยีไม่ใช่เพียงเครื่องมือ แต่คือ “ทุนเศรษฐกิจใหม่” ที่กำหนดทิศทางโลก

ดัชนี S&P 500 ยังแสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน ทุกยุคนวัตกรรม ตั้งแต่อินเทอร์เน็ต คลาวด์คอมพิวติ้ง ไปจนถึง 5G ล้วนสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยุค AI ที่กำลังมาแรงในวันนี้กำลังเขย่าโครงสร้างธุรกิจทั่วโลกให้ต้องเร่ง “รีโค้ด” กลยุทธ์ใหม่อีกครั้ง

ซิกเว่ ย้ำว่า โลกผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สามระลอก

• ยุคอินเทอร์เน็ต ที่สร้างโครงข่ายการเชื่อมต่อ, มาสู่
• ยุค 5G ที่เร่งเศรษฐกิจข้อมูล และกำลังเข้าสู่
• ยุค AI ที่ผสานเทคโนโลยีกับข้อมูลเข้าด้วยกัน จนสามารถตัดสินใจแทนมนุษย์ได้

เขาเสริมว่า ในบางมิติ ความเร็วของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป อินเทอร์เน็ตใช้เวลา 7 ปีในการเข้าถึงผู้ใช้ 100 ล้านคน ขณะที่ Facebook ใช้เวลา 4 ปี แต่ ChatGPT ใช้เวลาเพียง 2 เดือนเท่านั้น นี่คือ “สัญญาณเตือน” ว่าความเร็วคือเส้นแบ่งระหว่างผู้นำกับผู้ตาม

ในด้านศักยภาพของไทย เขาชี้ว่า แม้ประเทศมีโครงข่าย 5G ครอบคลุมกว่า 99% ของประชากร และมีโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เข้มแข็งที่สุดในอาเซียน แต่การใช้งานในภาคอุตสาหกรรมยังต่ำมาก จากข้อมูลของ GSMA ปี 2024 พบว่า มีเพียง 2% ของบริษัททั่วโลกที่ใช้ 4G/5G ในการทรานส์ฟอร์มธุรกิจ และ 10-15% อยู่ระหว่างทดลอง ซึ่งสะท้อนว่าการ “เชื่อมต่อ” เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องเปลี่ยนวิธีคิดในการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างมูลค่าทางธุรกิจ

ไทยต้องเร่งถอดรหัสยุคดิจิทัลให้ได้ เพราะถ้ายังใช้ 5G แค่เพื่อความเร็วอินเทอร์เน็ต แต่ไม่ใช้เพื่อขับเคลื่อนภาคการผลิตหรือบริการ เราก็จะพลาดโอกาสมหาศาลที่เทคโนโลยีมอบให้

อุตสาหกรรมแรกที่ปรับตัวได้เร็วที่สุดคือ “อุตสาหกรรมโฆษณา” เพราะมีข้อมูลจำนวนมากที่เหมาะกับโมเดล AI เช่น ChatGPT และ Gemini ส่งผลให้วงการนี้สามารถใช้ AI สร้างมูลค่าใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ซิกเว่มองว่า นี่คือ สัญญาณว่าทุกอุตสาหกรรมตั้งแต่การผลิต การแพทย์ ไปจนถึงการศึกษา จะต้องเร่งปรับตัวตาม

อีกแนวโน้มที่เขาให้ความสำคัญคือ “Everything-as-a-Service (XaaS)” ที่เปลี่ยนทุกอย่างให้กลายเป็นบริการ เช่น ตู้เย็นอัจฉริยะที่สั่งอาหารได้อัตโนมัติ หรือบ้านอัจฉริยะที่บริหารพลังงานด้วยระบบข้อมูล ซึ่งไม่เพียงเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค แต่ยังเปลี่ยนวิธีสร้างรายได้ของธุรกิจจากการขายสินค้า มาเป็นการขายบริการระยะยาว

จากข้อมูลของ OpenAI ระบุว่า การใช้งาน AI ทั่วโลกเติบโตขึ้นถึง 4 เท่าในปีที่ผ่านมา โดยเอเชียเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุด และไทยมีอัตราผู้ใช้งานสูงเป็นอันดับต้นของภูมิภาค คิดเป็น 75% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม การใช้งานส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับผู้บริโภค ไม่ใช่ระดับองค์กรหรือภาครัฐ ซึ่งถือเป็น “ช่องว่างเชิงโครงสร้าง” ที่ต้องเร่งอุด

ซิกเว่เตือนว่า หากไม่เร่งบูรณาการ AI อย่างจริงจัง ไทยอาจกลายเป็นเพียง “ผู้บริโภคเทคโนโลยี” ไม่ใช่ “ผู้สร้างนวัตกรรม” ทั้งที่ประเทศมีศักยภาพครบถ้วน ทั้งเครือข่าย โครงสร้างพื้นฐาน และแรงงานคุณภาพ

เขายังชี้ให้เห็นมิติด้านแรงงานว่า AI จะเปลี่ยนสมการของ “งาน” และ “แรงงาน” อย่างสิ้นเชิง โดยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า งานกว่า 92 ล้านตำแหน่งทั่วโลกจะถูกแทนที่ ขณะที่จะเกิดอาชีพใหม่อีก 170 ล้านตำแหน่ง ซึ่งต้องการทักษะใหม่โดยเฉพาะด้านดิจิทัล และข้อมูล ดังนั้น การเรียนรู้ต่อเนื่อง (Lifelong Learning) และการยกระดับทักษะ (Reskill & Upskill) จึงเป็น “รหัสสำคัญ” ของการอยู่รอดในโลกการทำงานยุคใหม่

AI ยังเป็นทั้งเครื่องมือสร้างโอกาส และ “กับดักสังคม” เพราะแม้จะช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้เท่าเทียม แต่ก็อาจสร้างโลกข้อมูลที่แคบลงจากอัลกอริทึมของโซเชียลมีเดียที่ป้อนเฉพาะสิ่งที่อยากเห็น ทำให้เกิดการแบ่งขั้วในสังคมอย่างรุนแรง

ซิกเว่เสนอว่า รัฐบาลต้องปรับบทบาทจากผู้กำกับดูแลเป็นผู้เร่งเครื่อง การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ผ่านการลงทุนในระบบการศึกษา การสนับสนุนสตาร์ตอัป และการผลักดันนวัตกรรมในทุกภาคส่วน ภายใต้แนวคิด “AI for All” ที่ให้ทุกคนเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียม โปร่งใส และปลอดภัย

แม้ไทยจะมีโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต ไฟเบอร์ และ 5G ที่แข็งแกร่ง แต่ยังต้องเร่งวางกรอบธรรมาภิบาล AI การจัดระเบียบข้อมูล และนโยบายการเก็บข้อมูลในประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการใช้เทคโนโลยีในระยะยาว

ในช่วงท้าย ซิกเว่ได้ฝาก “รหัสการอยู่รอดดิจิทัล” หรือ The Digital Survival Code ซึ่งประกอบด้วย 3 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่

   •   Act Bold – กล้าตัดสินใจแม้ข้อมูลยังไม่ครบ

   •   Be Adaptive – ปรับตัวอย่างต่อเนื่องในทุกสถานการณ์

   •   Align as One – รวมพลังทุกคนในองค์กรเป็นหนึ่งเดียว

ทั้งหมดนี้คือ “รหัสกับดัก” ที่ธุรกิจไทยต้องรีบถอดให้ได้ เพราะในยุค AI ความล่าช้าไม่ใช่แค่เสียโอกาส แต่คือ การพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเกม

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์