‘บริดจ์ไวซ์’ ปักธงไทย ชูตลาดยุทธศาสตร์ ดัน AI พลิกเกมการลงทุน

ประเทศไทยเป็นตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วในการนำ AI ที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human-Centered AI) มาใช้งาน

เคลวิน ฟัว ผู้อำนวยการทั่วไป บริดจ์ไวซ์ เอเชียแปซิฟิก (Bridgewise) ผู้ให้บริการการวิเคราะห์การลงทุนที่ขับเคลื่อนด้วย AI ประเมินผลกระทบของเทคโนโลยี AI ต่อการเปลี่ยนแปลงตลาดทุนไทย

พร้อมเปิดมุมมองว่า อุตสาหกรรมการเงินอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญจากการเริ่มต้นนำ AI มาใช้ ไปสู่การใช้งานจริงในวงกว้างอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าสถาบันต่างๆ จะยังอยู่ในช่วงทดลองใช้งาน แต่ก็เริ่มเห็นการนำ AI ไปใช้จริงในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการบริหารความมั่งคั่งและการวิเคราะห์ความเสี่ยง

AI จะเป็นสะพานเชื่อมสำคัญระหว่างนวัตกรรมและการเข้าถึงที่ง่ายขึ้น ทำให้มั่นใจได้ว่าเครื่องมือทางการเงินขั้นสูงจะสามารถให้บริการแก่ประชาชนในวงกว้าง โดยที่โอกาสไม่จำกัดเฉพาะแค่กลุ่มคนที่มีความเชี่ยวชาญและเกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยี (Digitally Savvy)

ดังนั้นประเทศไทยควรเตรียมพร้อมโดยให้ความสำคัญกับการศึกษา โครงสร้างพื้นฐาน สร้างความเชื่อมั่น ควบคู่ไปกับการสร้างนโยบายที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนนวัตกรรม และต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่านักลงทุนจะสามารถใช้เครื่องมือเหล่านั้นได้อย่างมั่นใจ

เพราะหัวใจสำคัญของความยั่งยืนในระยะยาว จะต้องมีเทคโนโลยีที่สร้างความมั่นใจ ความครอบคลุม และความไว้วางใจในทุกระดับของระบบนิเวศ

จากเวทีระดับโลกสู่ตลาดไทย

บริดจ์ไวส์ ได้เลือกประเทศไทยเป็นตลาดยุทธศาสตร์สำคัญกับการพลิกโฉมการลงทุนที่ขับเคลื่อนด้วย AI

ล่าสุด เปิดตัวแพลตฟอร์ม “FundWise” ที่มาพร้อมความสามารถในการใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ครอบคลุมกองทุนรวมและ ETF ไทยแล้วกว่า 800 กองทุน

เขามีมุมมองว่า ประเทศไทยมีความโดดเด่นจากการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างนวัตกรรม การพัฒนากฎระเบียบ และความพร้อมของนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักลงทุนรุ่นใหม่เป็นกลุ่มสำคัญที่ขับเคลื่อนความต้องการข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริงและเข้าใจง่าย เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน

ขณะเดียวกัน ตลาดเปิดรับผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การอนุมัติล่าสุดของกองทุนรวมที่มีกลยุทธ์การบริหารจัดการที่มุ่งหวังผลตอบแทนทวีคูณจากผลตอบแทนรายวันของดัชนีอ้างอิง (Leveraged ETFs) สำหรับนักลงทุนรายย่อย

บริดจ์ไวส์พร้อมที่จะสนับสนุนการเติบโตนี้ ไม่เพียงด้วย FundWise เท่านั้น แต่ยังรวมถึงโซลูชันอื่นๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้การตัดสินใจลงทุนมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และเข้าถึงได้ง่าย ทั้งสำหรับสถาบันการเงินที่มีความเชี่ยวชาญและนักลงทุนรายย่อยรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีดิจิทัล

เรามุ่งทำธุรกิจในประเทศไทยในระยะยาว โดยเน้นกับสามเรื่องหลัก ได้แก่ การขยายความร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศ การขยายขอบเขตการครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทางการเงินของไทย และการพัฒนาโมเดล AI อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของนักลงทุนได้อย่างตรงจุด

ดึงพลัง AI เสริมกลยุทธ์นักลงทุน

ทุกวันนี้นักลงทุนไม่ได้ต้องการแค่ข้อมูลดิบๆ แต่คาดหวังข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริง ซึ่ง AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการลดความซับซ้อน ประมวลผลจากข้อมูลจำนวนมหาศาล และนำเสนอข้อสรุปที่ชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงนี้กำลังพลิกโฉมกระบวนการตัดสินใจในทุกๆ ภาคส่วน

ขณะเดียวกัน AI มีศักยภาพที่จะลดช่องว่างข้อมูลระหว่างนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย โดยการทำให้การเข้าถึงข้อมูลทางการเงินที่ซับซ้อนเป็นเรื่องง่าย และนำเสนอในรูปแบบที่ง่ายต่อการเข้าใจ

เครื่องมือ AI จะช่วยให้นักลงทุนทั่วไปสามารถตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ในขณะที่ตลาดการเงินทวีความซับซ้อน การเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกอย่างเท่าเทียมกัน จะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างระบบนิเวศการลงทุนที่ครอบคลุมและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

เคลวิน ประเมินว่า สิ่งที่นักลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทยต้องการมากที่สุดในยุคนี้คือสิ่งที่เชื่อถือได้ รวดเร็ว เข้าใจง่าย และนำไปใช้ได้จริง

นอกจากนี้นักลงทุนยังต้องการสิ่งที่พวกเขาสามารถควบคุมได้มากขึ้น แต่ก็ต้องการไว้ใจในเครื่องมือที่ใช้งานด้วย ซึ่ง AI ที่ได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสม จะสามารถตอบโจทย์เหล่านี้และสร้างคุณค่าได้อย่างมหาศาล

ปฏิเสธไม่ได้ว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ของฟินเทคอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ เช่น การอนุมัติผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ซับซ้อน ไปจนถึงการเติบโตของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ และนักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญมากขึ้น

เห็นได้ชัดว่าภูมิภาคนี้กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ มีการคาดการณ์ว่า Generative-AI เพียงอย่างเดียวจะสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับการธนาคารทั่วโลกได้มากถึง 340,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี (ราว 11 ล้านล้านบาทต่อปี) และบริดจ์ไวส์พร้อมที่จะช่วยให้ตลาดในเอเชียแปซิฟิกปลดล็อกศักยภาพนั้น

ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ‘นักลงทุน’

สำหรับจุดเด่นของแพลตฟอร์ม “FundWise’ คือการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกและความโปร่งใสซึ่งมักไม่ค่อยพบในตลาด ครอบคลุมกองทุนทั้งในระดับโลกและกองทุนเฉพาะกลุ่มกว่า 12,000 กองทุน

มากกว่านั้นไม่เพียงแสดงข้อมูลผลการดำเนินงานทั่วไป แต่ยังวิเคราะห์ถึงสินทรัพย์ที่กองทุนถือครองอยู่จริง ทำให้ที่ปรึกษาสามารถเข้าใจถึงปัจจัยเบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกองทุนได้ และเครื่องมือนี้จะช่วยยกระดับคุณค่าที่สถาบันการเงินมอบให้กับลูกค้า โดยไม่กระทบต่อกระบวนการทำงานเดิมที่มีอยู่แล้ว

ปัจจุบัน นักลงทุนต้องการมากกว่าแค่ตัวเลขผลตอบแทน พวกเขาต้องการเข้าใจ "เหตุผล" ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังผลการดำเนินงานของกองทุน เครื่องมือที่นำเสนอจึงต้องมาพร้อมข้อมูลเชิงลึกจาก AI ที่อธิบายได้ว่ากองทุนนั้นมีผลงานเป็นอย่างไร และเพราะเหตุใด

ด้าน แนวทางการสร้างความเชื่อมั่นให้กับแพลตฟอร์ม รวมถึงความแม่นยำในการวิเคราะห์ผลของ AI บริดจ์ไวส์สร้างขึ้นจาก AI กรรมสิทธิ์ ซึ่งได้รับการฝึกฝนจากข้อมูลทางการเงินกว่า 20 ปี และพารามิเตอร์พื้นฐานกว่า 280 ตัว

แต่สิ่งที่ทำให้แตกต่างจากรายอื่นๆ คือวิธีการนำเสนอเหตุผลเบื้องหลังทุกข้อมูลเชิงลึก ไม่ว่าจะเป็นความชัดเจน บริบทที่เกี่ยวข้อง หรือการรองรับได้หลายภาษา การให้ข้อมูลความโปร่งใสซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตัดสินใจที่เทคโนโลยีนั้นช่วยให้เกิดขึ้นด้วย

ปัจจุบัน FundWise มีผู้ใช้ทั่วโลกราว 2.5 ล้านคน เฉพาะภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคาดว่าจะทำรายได้ให้สัดส่วนไม่น้อยกว่า 20%