เอไอเอสมองผลลัพธ์จาก ‘เอไอ‘ จะช่วยสร้างสินค้าตรงใจผู้บริโภคให้เป็นเลิศ

เอไอเอสมองผลลัพธ์จาก ‘เอไอ‘ จะช่วยสร้างสินค้าตรงใจผู้บริโภคให้เป็นเลิศ

การทำเทคโนโลยีดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่นหากไม่เอาเอไอเข้าไปมีส่วนร่วมจะถือว่าไม่ครบสมบูรณ์ และอาจจะส่งผลให้ล้าสมัย ทำให้องค์กรแข่งขันไม่ทันในสมรภูมิธุรกิจ และที่เอไอเอสเอง เราให้สำคัญกับการเปลี่ยนรูปแบบองค์กรไปสู่คอกเนทีฟ เทล-เทค ในทุกมิติ

นายอราคิน รักษ์จิตตาโภค หัวหน้าฝ่ายงานขับเคลื่อนนวัตกรรม บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอสให้มุมมองในเรื่องปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ ในเวทีสัมมนางาน Next Step Thailand 2024: Tech & Sustain ก้าวต่อไปของนวัตกรรมและความยั่งยืน ณ ห้องพญาไท 3-4 ชั้น 6 โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท กรุงเทพฯ ว่า ความสามารถของเทคโนโลยีเจเนอเรทีฟ เอไอ (Generative AI)  คือการต่อยอดสำเร็จจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของ Chipset, Connectivity, IoT, Cloud, Big Data, AI/ML ช่วยให้คนเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว งานที่ใช้เวลาและน่าเบื่อสามารถให้เอไอทำงานแทนได้ ริเริ่มในการออกแบบผลิตภัณฑ์ได้ นับเป็นการลดความเหลื่อมล้ำของความคิดสร้างสรรค์ รวมไปถึงการที่ AI ช่วยวิเคราะห์โรคและคิดตัวยาใหม่ๆ ได้ AI สามารถลดกำแพงในการสื่อสารข้ามเผ่าพันธุ์ได้ด้วยการแปลภาษา พร้อมกับการลดต้นทุนในการผลิตและการขนส่งลง ซึ่งจะเป็นบวกกับการลดปัญหาก๊าซเรือนกระจก

การสร้างเซอร์ไพรส์ของซีอีโอ OpenAI คือแนะนำให้โลกได้รู้จัก ChatGPT ภายในเวลาแค่ 2 เดือนหลังจากเปิดตัว มีมนุษย์ไปลองใช้งาน ChatGPT ถึง 100 ล้านคน เมื่อเทียบกับ Netflix ที่ใช้เวลา 10 ปี, Facebook 4 ปีครึ่ง, Instagram 2 ปีครึ่ง และ TikTok 9 เดือน และอนาคตต่อจากนี้ไปก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิม

ปัจจุบันการทำดิจิทัล ทรานฟอร์เมชันจะล้าสมัยมากหากไม่มีเอไอเข้ามาช่วย ซึ่งทำให้เอไอ มีส่วนสำคัญมาก โดย เอไอเอสได้มีการพัฒนา เอไอ และนำมาใช้ช่วยดูแลลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยไม่ว่าจะเป็นน้อง ACARE (เอแคลร์) และ AI Voice Bot ที่กำลังพัฒนาเข้ามาช่วยให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น และยังพบว่ามีประสิทธิภาพที่ดีกว่า

ซึ่งทางเอไอเอม ได้มีการพูดคุยกับ CEO ทั่วโลกกว่า 300 คน โดยบริษัทต่างๆได้ใช้กลยุทธ์ที่มีความแตกต่างกัน แต่พบว่าเอไอเข้ามาช่วยทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นอย่างมาก ซึ่งอยากให้ธุรกิจคงอยู่ต้องนำเอไอเข้ามาใช้เหตุการณ์ที่เรียกว่า Exponential World Challenge 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ภายใน 10 ปี มูลค่าเงินจะเพิ่มขึ้นมาถึง 43 เท่า ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ควรรู้และเข้าใจก่อนจะเกิดขึ้นในอนาคต

ทุกวันนี้อินเทอร์เน็ตเป็นทุกอย่างแล้ว โดยใน App Store มีแอปฯกว่า 9 ล้านแอปฯ อนาคตของเราจะเป็นอย่างไร หากนำ AI เข้ามาช่วย เราเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลและความสำคัญว่าเราทุกคนทุกองค์กรต้องเอาAIมาใช้

"การนำเอา AI มาช่วยออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับใจของผู้บริโภคจึงจะช่วยให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดและแข่งขันได้อย่างดีเยี่ยม"

เอไอเอสมองผลลัพธ์จาก ‘เอไอ‘ จะช่วยสร้างสินค้าตรงใจผู้บริโภคให้เป็นเลิศ

เขา คาดการณ์กันว่าภายในสิ้นปี 2567 จะมีจำนวนอุปกรณ์ IoT ราวสองแสนล้านชิ้น นอกเหนือไปจากโทรศัพท์พกพาและคอมพิวเตอร์ แต่การเติบโตเหล่านี้มันซ่อนอยู่ในอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของเล่น เครื่องใช้ในครัวเรือน หรือแม้แต่แปรงสีฟัน ซึ่งอุปกรณ์เหล่านั้นต่างเก็บข้อมูลผู้ใช้งานและถูกสั่งการด้วย AI Model ที่มีแนวโน้มจะไปอยู่ตามขอบ (On-Device & Edge Computing: การประมวลผลข้อมูลให้แสดงผลเร็วใกล้เคียงกับความเร็วของเครือข่ายมากที่สุด) กันมากขึ้น หมายความว่าอุปกรณ์ต่างๆ ที่ลูกค้าใช้จะมี Intelligence ฝังอยู่เลย เพื่อที่ว่าจะได้ไม่ต้องเชื่อมต่อกับ Public Cloud ทุกครั้งไป ซึ่ง AI เหล่านั้นจะสามารถถูกสั่งการหรือปรับแต่งให้ดีขึ้นจาก Cloud Computing ขนาดใหญ่ โดยใช้การเชื่อมต่อที่มีความไวและเสถียรภาพอย่าง 5G