2024 : ปีแห่งความเสี่ยงที่ไม่อาจมองข้าม จากเทคโนโลยี 'เอไอ' ที่ไม่ถูกควบคุม

2024 : ปีแห่งความเสี่ยงที่ไม่อาจมองข้าม จากเทคโนโลยี 'เอไอ' ที่ไม่ถูกควบคุม

สัปดาห์นี้มีรายงานเรื่อง ความเสี่ยงของโลกในปี 2024 ที่ระบุว่า ปีนี้จะเป็นปีที่มีความเสี่ยงสูงในหลายด้าน ทั้งเรื่องการเมืองที่จะมีการเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และที่น่าสนใจ คือ ปัญหาเทคโนโลยีเอไอ

สัปดาห์นี้มีรายงานเรื่อง ความเสี่ยงของโลกในปี 2024 ออกมาจากสองค่าย รายงานแรกเป็นของ Eurasia ที่ระบุว่า ปีนี้จะเป็นปีที่มีความเสี่ยงสูงในหลายด้าน ทั้งเรื่องการเมืองที่จะมีการเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และที่น่าสนใจ คือ ปัญหาเทคโนโลยีเอไอที่กำลังพัฒนาเร็วกว่าความสามารถในการกำกับและควบคุมดูแล

ส่วนอีกรายงานที่ออกมาเป็นของ World Economic Forum (WEF) ที่ระบุความเสี่ยงด้านต่างๆ ทั้งภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ทั้งในระยะสั้นในสองปีข้างหน้า และระยะยาวในอีกสิบปี ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ การบิดเบือนข้อมูลด้วยเทคโนโลยีเอไอ (Misinformation and Disinformation) กลายเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่สุดในปีนี้ และขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในความเสี่ยงระยะสั้น

WEF ระบุว่า เนื่องด้วยเอไอกลายเป็นเทคโนโลยีที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ทำให้ผู้คนสามารถสร้างข้อมูลปลอม รวมถึงการใช้เทคโนโลยีอย่าง Generative AI อย่าง ChatGPT สร้างเนื้อหา ‘สังเคราะห์’ ได้มากขึ้น ตั้งแต่การลอกเลียนเสียง สร้างวิดีโอปลอม ไปจนถึงเว็บไซต์ปลอม

เนื้อหาสังเคราะห์สามารถสร้างผลกระทบที่หลากหลายทั้งต่อบุคคล เศรษฐกิจ และสังคม ข้อมูลที่ปลอมแปลงสามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตั้งแต่การทำอาชญากรรมรูปแบบใหม่ๆ เช่น การทำ Deepfake สร้างวิดีโอปลอมแปลง จนไปถึงการการคดโกงในตลาดหุ้น รวมถึงสร้างความขัดแย้งทางสังคมและการเมือง

ในสองปีข้างหน้าประชาชนเกือบ 3,000 ล้านคน จะไปลงคะแนนเลือกตั้งในหลายประเทศ รวมถึง สหรัฐอเมริกา อินเดีย สหราชอาณาจักร เม็กซิโก และอินโดนีเซีย ก็จะมีการสร้างข้อมูลปลอมและข้อมูลที่บิดเบือนเพื่อชักจูงผู้คนในการเลือกตั้ง ซึ่งอาจสร้างความเสียหายอย่างมากต่อความชอบธรรมผลการเลือกตั้ง และอาจทำให้เกิดความไม่สงบทางการเมือง ความรุนแรง และการก่อการร้าย รวมถึงการลดความน่าเชื่อของกระบวนการประชาธิปไตยในระยะยาว เพราะเทคโนโลยีเอไอสามารถสร้างข้อมูลเท็จมาชี้นำผู้ลงคะแนนได้ง่ายขึ้น

 

นอกจากนี้ เอไอ ยังถูกนำมาใช้ในการบิดเบือนข้อมูลและการแบ่งแยกทางสังคมอีกด้วย โดยผู้คนที่ติดตามสื่อออนไลน์จะได้รับข้อมูลข่าวสารในสิ่งที่ชื่นชอบตามการกำหนดของเอไอ สังคมก็จะยิ่งแบ่งแยกขึ้นจากความเชื่อข้อมูลที่ถูกป้อนเข้ามาเพื่อยืนยันความเชื่อของตนเอง

การบิดเบือนข้อมูลด้วย เอไอ จึงเป็นปัญหาที่มีผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และเสถียรภาพต่อระบบประชาธิปไตย จึงเป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องตระหนักและเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น รัฐบาลประเทศต่างๆ กำลังเริ่มออกกฎหมายใหม่ๆ เพื่อควบคุมการใช้เทคโนโลยีเอไอ แต่ความเสี่ยงที่สำคัญอีกเรื่องก็เป็นที่ Eurasia ระบุ คือ เอไอที่ไม่ถูกควบคุม (Ungoverned AI)

ทั้งนี้ ปัญหาของการไม่สามารถกำกับดูแลเอไอเริ่มเด่นชัดขึ้น เมื่อพบว่า ความพยายามด้านการพัฒนากฎหมายและการควบคุมยังไม่เพียงพอ แถมบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ยังคงดำเนินการพัฒนาเทคโนโลยีเอไอให้เก่งยิ่งขึ้นโดยไม่มีข้อจำกัด ทำให้เครื่องมือเอไอทรงพลังมากขึ้นและกำลังแพร่กระจายออกไปนอกเหนือการควบคุมของรัฐบาลในหลายประเทศ

แม้ในปีที่ผ่านมาเราอาจเริ่มเห็นการออกมาตรฐานใหม่ๆ และความร่วมมือในด้านเอไอระหว่างนานาประเทศ แต่อย่างไรก็ตามการพัฒนาในด้านเอไอเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก ทำให้ความพยายามในการกำกับดูแลตามแทบไม่ทัน เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

ด้านการเมือง: ความไม่ลงรอยกันในการกำหนดนโยบายของประเทศต่างๆ ทำให้ความพยายามในการกำกับดูแลเอไอมีขอบเขตที่จำกัดเฉพาะได้

ความล่าช้าของรัฐบาล: ความสนใจของรัฐบาลหลายประเทศในเรื่องการกำกับดูแลเอไอมีไม่มากนัก เมื่อเทียบกับเรื่องอื่นๆ เช่น เศรษฐกิจ การเมือง หรือสิ่งแวดล้อมที่ถูกมองว่าสำคัญกว่า

การแปรพักตร์: แม้จะมีการร่วมมือนานาชาติและบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ในการกำกับดูแลเอไอ แต่เมื่อหลายฝ่ายคำนึงถึงผลประโยชน์ของตัวเองทั้งในเรื่องของศักยภาพทางแข่งขัน และเศรษฐกิจการค้า ก็อาจทำให้ถอนตัวออกจากข้อตกลง

ความเร็วของเทคโนโลยี: เอไอกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้ความพยายามควบคุมด้วยการออกมาตรการต่างๆ ดูเหมือนจะตามไม่ทัน

ปีนี้ เอไอจึงเป็นปัญหาที่ไม่สามารถมองข้ามได้ และเราต้องให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลอย่างจริงจังเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะความเสี่ยงเรื่องของการบิดเบือนข้อมูลด้วยเทคโนโลยีเอไอและเอไอที่ไม่ถูกควบคุม