‘สุธิดา มงคลสุธี’ นำ ‘ซินเน็ค’ ผงาดเบอร์ 1 ‘ไอที อีโคซิสเต็ม’

‘สุธิดา มงคลสุธี’ นำ ‘ซินเน็ค’ ผงาดเบอร์ 1 ‘ไอที อีโคซิสเต็ม’

[รายการ SUITS ถอดสูตรความสำเร็จฉบับ CEO ของ “กรุงเทพธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “สุธิดา มงคลสุธี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ถึงโอกาสใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมไอที ไปดูกันว่ายุทธศาสตร์ใหม่ของ “ซินเน็ค” จะเดินหน้าไปในทิศทางใด

Key Points : 

  • ซินเน็คกำลังก้าวขึ้นไปอีกขั้น ในฐานะเบอร์ 1 ไอทีอีโคซิสเต็มให้ได้ใน 3 ปี
  • ปักหมุดขับเคลื่อน 3ธุรกิจหลัก คอนซูมเมอร์ คอมเมอร์เชียล และโฟน
  • ตั้งเป้า ปีนี้เติบโตเป็นตัวเลขสองหลักและทำสถิติสูงสุดใหม่จากอีโคซิสเต็มที่แข็งแรง

เพราะเส้นทางสร้างความสำเร็จของธุรกิจในยุค “ดิจิทัล ดิสรัปชัน” ไม่ได้คว้ามาง่ายๆ แค่ “ซื้อมา ขายไป” ไม่ได้การันตีความอยู่รอด หรือทำให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน

วันนี้ "สุธิดา มงคลสุธี" หัวเรือใหญ่ ซินเน็ค ยังคงมีโจทย์ที่แสนท้าทายในการขับเคลื่อนธุรกิจ ท่ามกลางสถานการณ์ที่โลกเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ขณะเดียวกันพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม...

 

ปูทางสู่ผู้นำ ‘ไอที อีโคซิสเต็ม’

สุธิดา เปิดมุมมองว่า ยุทธศาสตร์ธุรกิจของซินเน็คไม่ต้องการเป็นเพียงเบอร์ 1 ไอทีดิสทริบิวเตอร์อีกต่อไปแล้ว ปี 2566 จะเป็นอีกก้าวสำคัญที่ซินเน็คปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การนำเสนอสินค้าและผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าคอมเมอร์เชียล จากการขายแบบเดิม ไปสู่การนำเสนอแบบ “Solution-Based” ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ครอบคลุมมากขึ้น

จากผู้แทนจัดจำหน่าย กระทั่งทรานส์ฟอร์มเป็น “Value Added Distributor” วันนี้ซินเน็คกำลังก้าวขึ้นไปอีกขั้นในฐานะ “เบอร์ 1 ไอทีอีโคซิสเต็ม” ซึ่งขอบข่ายธุรกิจไม่ได้เน้นเพียงด้านไอที แต่ครอบคลุมไปถึงอีโคซิสเต็มของเทคโนโลยี

“ซินเน็คไม่ได้ต้องการเป็นเพียงแค่ดิสทริบิวเตอร์เบอร์ 1 แต่มุ่งเป็นเบอร์ 1 ไอทีอีโคซิสเต็มในประเทศไทยให้ได้ภายใน 3 ปี นอกจากการนำเสนอสินค้าและบริการที่ครบวงจร เดินหน้าขยายฐานตลาดและบิสิเบสโมเดลใหม่ๆ ต่อเนื่อง”

โดยนอกจากลูกค้าคอนซูเมอร์ ธุรกิจระดับกลางและระดับเล็กที่แข็งแรงอยู่แล้ว เตรียมขยายตลาดไปสู่องค์กรขนาดใหญ่มากขึ้น

ปักหมุดขับเคลื่อน 3ธุรกิจหลัก

ปัจจุบัน ธุรกิจของซินเน็คแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักคือ คอนซูมเมอร์ คอมเมอร์เชียล และโฟน สัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มคอนซูเมอร์ประมาณ 50% คอมเมอร์เชียล 20% และโฟน 30%

จากนี้แน่นอนว่าจะทำให้ทุกกลุ่มเติบโตไปพร้อมกัน แต่ “New Engine” ที่จะมาขับเคลื่อนการเติบโตคือ ผลิตภัณณ์เกมมิงและคอมเมอร์เชียล โดยหวังว่าปีนี้จะสามารถทำรายได้จากธุรกิจไอทีโซลูชันแตะ 1 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ มีสินค้า “เฮาส์แบรนด์” ชื่อว่า “S-GEAR” สำหรับเจาะตลาดอุปกรณ์เกมมิงและมือถือ โดยไม่ได้มองว่าจะเข้าไปแข่งขันกับรายอื่น แต่เข้าไปเติมเต็มช่องว่างในตลาด โดยแนวทางธุรกิจให้ความสำคัญกับทั้งตัวสินค้าและบริการหลังการขาย “Trusted by Synnex”

ซินเน็คตั้งเป้าไว้ว่า ปีนี้จะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักและทำสถิติสูงสุดใหม่จากอีโคซิสเต็มที่แข็งแรงมากขึ้น รวมไปถึงความร่วมมือใหม่ๆ ซึ่งทำให้มีโอกาสนำสินค้าใหม่ๆ เข้ามาทำตลาด

โดยภาพรวมการเติบโตจะมาจากทั้งกลุ่มคอนซูเมอร์และตลาดองค์กร ที่โดดเด่นคือกลุ่มคอมเมอร์เชียล เกมมิง และอีสปอร์ต

 เพิ่มโฟกัส ‘เอไอ เกมมิง ซิเคียวริตี้’

สำหรับเมกะเทรนด์ไอทีปี 2566 ที่น่าจับตามองอย่างมากคือการปรับใช้เทคโนโลยี “เอไอ” ที่กำลังเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงหลากหลายมิติในโลกใบนี้

แม้หลังวิกฤติโควิดจะได้เห็นว่าหลายภาคส่วนได้ทรานส์ฟอร์มไปสู่ดิจิทัล ทว่ายังเป็นเพียงก้าวแรก ไม่ได้นำศักยภาพของเทคโนโลยีอย่างเอไอและดาต้ามาช่วยวิเคราะห์และยกระดับธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ

“เราได้เห็นว่าเมกะเทรนด์มีเยอะมาก ซึ่งเราเองอาจไม่ได้เข้าไปจับในทุกส่วน แต่มองถึงเทคโนโลยีที่สามารถต่อยอดจากฐานความแข็งแกร่งของธุรกิจที่มีอยู่เดิม ที่มองไว้เบื้องต้นเช่น ด้านเอไอ การวิเคราะห์ข้อมูล เกมมิง และไซเบอร์ซิเคียวริตี้”

ซีอีโอซินเน็คเผยว่า สถานการณ์โควิดได้ส่งผลกระทบเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมไอที ซินเน็คเองแม้ในช่วงโควิดสามารถเติบโตได้มากกว่า 10% และในความเป็นจริงสามารถเติบโตได้มากกว่านั้น ทว่าทั่วโลกมีปัญหาด้านซัพพลายเชน ไม่มีสินค้าจำหน่าย

มาถึงวันนี้แม้โควิดจะคลี่คลาย ทว่าพฤติกรรมการบริโภคสินค้าไอทีไม่ได้ปรับกลับไปเป็นแบบเดิม และต่อไปเชื่อว่าเทคโนโลยีจะยิ่งมีบทบาทมากขึ้นไปอีก

ตลาดเปลี่ยน เกมธุรกิจต้องปรับ

ซินเน็คมีสินค้าและบริการครอบคลุมทั้งด้านซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ บิสิเนสโซลูชัน ซิเคียวริตี้โซลูชัน รวมไปถึงบริการทางการเงิน ขณะเดียวกันยังคงมองหาโอกาสการสร้างความร่วมมือกับดีลใหม่ๆ รวมถึงการควบรวมกิจการเพื่อเสริมความแข็งแรงและขยายอีโคซิสเต็ม

ปัจจุบัน แบรนด์ที่นำเข้ามาทำตลาดมีอยู่ประมาณ 70 แบรนด์ชั้นนำ มีช่องทางการจัดจำหน่ายกว่า 6,000 ราย และมีศูนย์บริการกว่า 75 แห่ง

โดยภาพรวมอุตสาหกรรมไอทีไทยปีนี้มีทิศทางที่ดี แม้สถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายแต่วิถีชีวิตผู้คนได้เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม องค์กรเองเห็นถึงความสำคัญและพร้อมลงทุนด้านเทคโนโลยีมากขึ้น

ซินเน็คเองเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจ และจุดเปลี่ยนต่างๆ ทั้งในทางเศรษฐกิจ และพฤติกรรมของผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์ การเข้าถึงดิจิทัลแพลตฟอร์ม สมาร์ทดีไวซ์ การทำงานแบบไฮบริด การเติบโตของตลาดเกม และไซเบอร์ซิเคียวริตี้

สร้างโอกาส ในวิกฤติ

สุธิดามีมุมมองว่า เทคโนโลยีเป็นเรื่องใกล้ตัวที่สนุก น่าตื่นเต้น มีสินค้าออกมาใหม่อยู่เรื่อยๆ เป็นตลาดที่เปลี่ยนแปลงเร็ว มีความท้าทายอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นต้องไม่หยุดที่จะเรียนรู้

เช่นเดียวกับเส้นทาง 8 ปีของการทำหน้าที่ซีอีโอ ตั้งแต่ยุคของเว็บ 2.0 จนขณะนี้กำลังก้าวไปสู่เว็บ 4.0 ที่มีหลายเหตุการณ์เข้ามาให้ได้เรียนรู้ พิสูจน์ตัวเอง

เรียกได้ว่า ถูกท้าทายตั้งแต่เริ่มเข้ามารับตำแหน่ง ที่ขณะนั้นเป็นช่วงที่แท็บเล็ตเริ่มเข้ามาตีตลาดและทำให้ผลิตภัณฑ์โน๊ตบุ๊กสั่นคลอน ทว่าเหตุการณ์ที่เหมือนจะเป็นวิกฤติกระทบกับรายได้หลัก กลับเป็นโอกาสที่ทำให้ได้มองหาโอกาสใหม่ๆ และขยายการทำตลาดไปที่ธุรกิจอื่นๆ มากขึ้น

โดยเฉพาะกลุ่มโมบายและระยะหลังมานี้ได้มีการขยายธุรกิจไปสู่ไอทีโซลูชัน สอดคล้องไปตามสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ซินเน็คมีแนวคิดว่า “ต่อไปนี้เรื่องการบาลานซ์พอร์ตโฟลิโอเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก”

ซินเน็คจะเลือกทำธุรกิจที่เข้ากับตัวเอง แม้ไม่สำเร็จทั้งหมด แต่การได้ลงมือทำย่อมเกิดการเรียนรู้ สามารถนำไปพัฒนาปรับเปลี่ยน และต่อยอดในอนาคต ที่สำคัญคือ การโฟกัสที่ชัดเจนและทำในสิ่งที่มีอิมแพ็ค

 ‘Trust’ กุญแจความสำเร็จ

สำหรับกุญแจความสำเร็จ ที่สำคัญคือ “Trust” ตั้งแต่วันที่ได้ก้าวเข้ามาเป็นซีอีโอใช้คำนี้เป็นวัฒนธรรมขององค์กร สื่อสารกับพนักงานเสมอว่า หากต้องทำงานกับใครการที่มีความไว้ใจกับไม่ไว้ใจผลลัพธ์และความเร็วที่ได้ย่อมแตกต่างกัน ถ้าความไว้ใจมีไม่เพียงพอสปีดของการขับเคลื่อนองค์กรจะช้ามาก

“คำว่า Trust นั้นมีความสำคัญและช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับคนภายในองค์กร ทุกคนเป็นตัวแทนของซินเน็ค ถ้าได้รับความไว้วางใจ ลูกค้าและพันธมิตรย่อมเกิดความไว้ใจในบริษัทด้วย”

เช่นเดียวกันคุณสมบัติสำคัญของผู้บริหาร อันดับแรกต้องสร้างความไว้ใจ “พูดอะไรก็ทำจริง” แต่ถ้าถามว่าต้องการทำอะไรให้เติบโตยิ่งขึ้นไป คงเป็นเรื่องของ “Passion” ที่จะมีการส่งต่อออกไปมากขึ้น

นอกจากนี้ มองไปถึงเรื่องการสร้างอิมแพ็ค ไดเร็คชันไหนที่จะเกิดผลกระทบมากที่สุด สร้างผลดีกับองค์กรและบุคลากรของบริษัทมากที่สุด

สไตล์การบริหารงานของสุธิดา คือ การมีความเชื่อมั่น ไว้วางใจในตัวทีมผู้บริหาร พนักงาน เชื่อว่าพวกเขาจะทำได้ ทุกคนมีส่วนสำคัญที่จะทำให้งานสำเร็จไปตามเป้าหมาย

 ‘ความยั่งยืน’ อนาคตธุรกิจ

โลกที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน การทำธุรกิจแบบเดิมๆ อาจใช้ไม่ได้อีกต่อไป ยิ่งในยุคนี้ “ความยั่งยืน” คืออนาคตของธุรกิจ เป็นเฟรมเวิร์กที่ต้องมีเพื่อขับเคลื่อนให้ธุรกิจเดินไปข้างหน้า

สำหรับซินเน็คที่เริ่มดำเนินงานไปแล้วคือ การจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการพัฒนา “บุคลากร” โดยมีมุมมองว่า การจะเติบโตได้อย่างยั่งยืน องค์กรประกอบสำคัญคือ “การศึกษารากฐาน” ซึ่งนอกจากพนักงานในองค์กร ได้ร่วมมือกับแบรนด์ขยายขอบเขตการพัฒนาไปที่กลุ่มเด็กและเยาวชน เชื่อว่าเด็กไทยมีศักยภาพสูง ทว่าอาจยังไม่มีโอกาสได้เรียนแบบเฉพาะทาง

แผนงานของซินเน็คในปีนี้จะยกระดับเรื่องการพัฒนาการศึกษาให้ใหญ่ขึ้น จริงจังมากขึ้น เนื่องจากประโยชน์ที่จะได้รับนอกจากภาคธุรกิจแล้วยังส่งผลดีต่อภาพรวมของประเทศไทย

“ไอทีอีโคซิสเต็มจะเติบโตได้อย่างยั่งยืนต้องวางรากฐานด้านการศึกษา พัฒนาทักษะบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านไอที การมอบสิ่งของให้ของใช้นั้นย่อมหมดไป แต่การศึกษาจะอยู่กับเขาตลอดไป”