พร้อมหรือยังถ้าองค์กรต้องอยู่เหนือเมฆ บนเครือข่าย "Cloud 2.0" ของ “HUAWEI”

ยุคดิจิทัลดิสรัปชัน จะองค์กรไหนก็ช้าไม่ได้ ถ้าไม่พัฒนาและใช้เทคโนโลยีมาเป็นส่วนหนึ่งของระบบการทำงานภายในองค์กร จะมีแต่ล้าหลังตามไม่ทันคู่แข่งที่ทันโลกมากกว่า

หนึ่งในเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้ภายในองค์กรไม่ว่าจะภาคธุรกิจหรืออุตสาหกรรม คือ เครือข่ายคลาวด์ (Cloudification) ล่าสุด HUAWEI ได้ผลักดันเทคโนโลยีนี้ภายใต้ชื่อ เครือข่ายคลาวด์อัจฉริยะ 2.0 (Cloud 2.0) เพื่อมารองรับการเดินหน้าสู่คลาวด์ของทุกภาคอุตสาหกรรมและการสร้างตลาดใหม่ โดยเปลี่ยนโฉม WeWork at the PARQ ให้เป็นออฟฟิศอัจฉริยะ ปรับให้เข้ากับลักษณะธุรกิจหรือองค์กรของประเทศไทย

ได้แก่ กลุ่มธุรกิจระดับเอสเอ็มอีและภาคการผลิต ซึ่งสถานที่นี้ได้รับการออกแบบให้แสดงถึงประสบการณ์การใช้งานในรูปแบบใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีจากเครือข่ายคลาวด์เพื่อออฟฟิศขององค์กรและสภาพแวดล้อมของภาคการผลิต ประกอบไปด้วย ภาคการผลิตอัจฉริยะ การประชุมแบบวิดีโอผ่านออนไลน์ การเชื่อมต่อในออฟฟิศ และการเชื่อมต่อกับคลาวด์ได้อย่างปลอดภัยในส่วนออฟฟิศของภาคการเงิน

สำหรับ "Cloud 2.0" นั้นจะเป็นระบบ Cloud ที่ถูกออกแบบมาสำหรับรองรับการใช้งานในแต่ละธุรกิจโดยเฉพาะแยกต่างหากจากกันไปเลย ทำให้แต่ละองค์กรนำบริการที่เกี่ยวโยงกับธุรกิจของตนมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะแตกต่างจาก Cloud 1.0 ที่เน้นการบริการทั่วไป และแต่ละธุรกิจต้องปรับแต่งแก้ไขเพื่อนำไปใช้งานแตกต่างกัน Cloud 2.0 จึงเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ "HUAWEI" เชื่อว่าจะทำให้เกิดการ Digital Transformation ขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น

ข้อดีของการทำงานบนพื้นฐานของคลาวด์อัจฉริยะ มีด้วยกันหลายประการ เช่น

1.การทำงานแบบอัตโนมัติที่ดียิ่งขึ้น

ออฟฟิศที่เป็นคลาวด์มากขึ้น การทำงานแบบเป็นกิจวัตร สถานการณ์การใช้งานที่มีจำนวนผู้ใช้งานพร้อมกันเป็นจำนวนมาก เทคโนโลยี Wi-Fi 6 ขั้นสูง การวางแผนโครงข่ายแบบ 3 มิติโดยมีพื้นฐานอยู่บนเทคโนโลยีคลาวด์

2.คุณภาพที่ดีขึ้น

ภาคอุตสาหกรรมการผลิต ระบบออฟฟิศและระบบการผลิต การแบ่งภาคการจัดการให้เห็นภาพและจัดการง่าย การทำ Fault Demarcation ในระบบอย่างรวดเร็ว

3.ความปลอดภัยที่มากขึ้น

ระบบการเงิน ระบบการระบุตัวตนและการออกใบเสร็จผ่านออนไลน์ด้วยโซลูชัน หัวเว่ย คลาวด์ OCR ระบบรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ Qiankun ที่ติดตั้งง่าย มีความปลอดภัย และน่าเชื่อถือ