‘ควิกคอมเมิร์ซ’ เทรนด์แรง เพิ่มแต้มต่อวงการค้าปลีก

‘ควิกคอมเมิร์ซ’ เทรนด์แรง เพิ่มแต้มต่อวงการค้าปลีก

ท่ามกลางการเติบโตอย่างรวดเร็วของอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รูปแบบธุรกิจแบบสั่งซื้อสินค้าและจัดส่งทันใจ (Quick Commerce) ได้กลายเป็นเทรนด์ตลาดที่ร้อนแรง

แต่คำถามตามมาคือ ผู้ค้าปลีกได้ให้ความใส่ใจในธุรกิจรูปแบบใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากนี้ เพียงพอแล้วหรือยัง

คริสตี้ เดวิสัน รองประธานฝ่ายขาย ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท รีเล็กซ์ โซลูชันส์ เปิดมุมมองว่า ขณะนี้การจัดส่งสินค้าในรูปแบบควิกคอมเมิร์ซกลายเป็นที่รู้จักกันดี ขณะเดียวกันเริ่มเป็นที่นิยมในตลาดค้าปลีกออนไลน์ของภูมิภาค จากแรงผลักดันการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล

โดยการซื้อสินค้าทันใจแบบออนดีมานด์ลักษณะนี้จะเป็นการซื้อแบบตระกร้าขนาดเล็ก จัดส่งรวดเร็วภายในเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง ด้านความสามารถในการทำกำไรมักขึ้นอยู่กับปริมาณการสั่งซื้อ และความหนาแน่นของลูกค้าภายในพื้นที่ให้บริการ 

ยิ่งไปกว่านั้น การแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นทำให้อัตรากำไรลดลง ท่ามกลางปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งทั้งหมดนี้อาจทำให้ผู้บริโภคหมดความสนใจลงอย่างรวดเร็วได้

หนุนกลยุทธ์ออมนิแชนแนล

เธอเผยว่า ยังมีปัญหาอื่นๆ ที่ผู้ดำเนินธุรกิจจะต้องเอาชนะให้ได้อีก เช่น การดำเนินงานด้านขนส่งระบบโลจิสติกส์ด้วยตนเองและขาดประสิทธิภาพ การพึ่งพาเงินสดของผู้บริโภค รวมไปถึงการขาดความไว้วางใจจากผู้บริโภค รวมถึงการเติบโตอันน่าทึ่งของอีคอมเมิร์ซ

บริษัทวิจัยฟอร์เรสเตอร์รายงานว่า อีคอมเมิร์ซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มียอดขายกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2563 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.43 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2568 โดยปี 2563 ของชำเป็นกลุ่มสินค้าที่เติบโตรวดเร็วที่สุด ด้วยอัตราการเติบโต 97% 

แม้ว่าผู้ค้าปลีกที่มีหน้าร้านจริงหรือแม้แต่ผู้ดำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะใช้กลยุทธ์ออมนิแชนแนลเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังมีความท้าทายอีกมากที่ผู้ค้าปลีกต้องเอาชนะ เพื่อยืนหยัดในสมรภูมิอีคอมเมิร์ซ ซึ่งอัตราการเข้าถึง (penetration rate) สำหรับสินค้าประเภทของชำในตลาดออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังอยู่ในระดับเพียง 2% เท่านั้น

อย่างไรก็ดี ความท้าทายก็มาพร้อมโอกาสเมื่อบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจำนวนมากต่างพากันบุกตลาดนี้ทั่วทั้งภูมิภาค การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของบริการแบบควิกคอมเมิร์ซได้ผลักดันให้ผู้ค้าปลีกแบบดั้งเดิมและแบบดิจิทัลต้องหันมาศึกษาการผสานรวมช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เพื่อเสริมสถานะของตน

อาเซียนศักยภาพไร้ขอบเขต

สำหรับกุญแจสู่ความสำเร็จประการหนึ่งคือ การจัดการห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถบรรลุผลกำไรและครองตลาด รวมถึงการเลือกใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีที่จะเข้ามาสนับสนุน เพิ่มความสามารถในการคาดการณ์ความต้องการสินค้า รวมไปถึงระบบการวางแผนสินค้าคงคลัง ระบบความพร้อมของศูนย์กระจายสินค้าที่มีไว้สำหรับการชอปปิงออนไลน์โดยเฉพาะ

“ความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้สูงสุดมีความสำคัญต่อการปรับขนาดธุรกิจ ผู้ค้าปลีกไม่เพียงต้องรับประกันความพร้อมของผลิตภัณฑ์สำหรับทั้งช่องทางหน้าร้านและช่องทางออนไลน์ แต่ยังต้องรับมือกับความท้าทายต่างๆ เช่นการจัดการรับคืนสินค้า สำหรับสินค้าที่ไม่ใช่ของชำ และปรับอัตราส่วนสินค้าพร้อมจำหน่ายต่อของเน่าเสียสำหรับของสด” 

ทุกวันนี้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จ นวัตกรรมต่างๆ ตั้งแต่ระบบซอฟต์แวร์การจัดการสินค้าคงคลังไปจนถึงหุ่นยนต์สำหรับหยิบสินค้าแบบอัตโนมัติล้วนมีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพและการทำกำไรสูงสุดจากศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้า 

เมื่อมีผู้เข้าร่วมรายใหม่ในสมรภูมิอีคอมเมิร์ซมากขึ้น คาดว่าอุตสาหกรรมนี้จะยื่งมีการแข่งขันที่ดุเดือด เมื่อการรวมกลุ่มของผู้เล่นรายย่อยเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ บริษัทต่างๆ จึงต้องมีแผนธุรกิจที่แข็งแกร่งและยั่งยืน และในขณะเดียวกันก็ต้องปรับปรุงความสามารถในการวางแผนที่วัดผลได้ด้วยเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดที่มีศักยภาพไร้ขอบเขต จากรายงาน e-Conomy ของกูเกิลและเบนประมาณการณ์ว่าภายในปี 2573 เศรษฐกิจอีคอมเมิร์ซจะมีมูลค่าสินค้ารวมสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ และแน่นอนว่าธุรกิจควิกคอมเมิร์ซก็เป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์ดังกล่าวหากดำเนินการได้อย่างถูกต้อง