‘แซดทีอี’ หวนคืนสมาร์ทโฟน ส่ง 5 เรือธงประเดิมตลาดไทย

‘แซดทีอี’ หวนคืนสมาร์ทโฟน ส่ง 5 เรือธงประเดิมตลาดไทย

“แซดทีอี” หวนคืนสมาร์ทโฟนไทย ส่ง 5 รุ่นใหม่ประเดิมตลาด เจาะผู้ใช้งานระดับเริ่มต้น-ไฮเอนด์ ตั้งเป้าปีนี้ทำยอดขายได้ 5 แสนเครื่อง ใน 3 ปี ชิงส่วนแบ่งไม่น้อยกว่า 5%

นายชอว์น เผย์ ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจโทรศัพท์มือถือประจำประเทศไทย แซดทีอี คอร์ปอเรชัน กล่าวว่า ปีนี้แผนงานระดับโกลบอลของแซดทีอีมุ่งขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่แซดทีอีมองเห็นโอกาสและศักยภาพสำหรับสมาร์ทโฟน

ปัจจุบัน สมาร์ทโฟนกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิตแบบนิวนอร์มอล และเชื่อว่ามีช่องว่างในการเติบโตทั้งในกลุ่มตลาดระดับล่าง กลาง ไฮเอนด์ รวมถึงเกมมิ่ง ทั้งมีจัยจัยบวกจากการเปลี่ยนผ่านไปสู่ 5จี และการเติบของอีคอมเมิร์ซ

สำหรับกลยุทธ์การทำตลาด วางแผนไว้ว่าระยะ 3 ปีจะเพิ่มน้ำหนักการทำตลาดทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ พร้อมๆ ไปกับขยายช่องทางการจัดจำหน่ายแบบออมนิแชนแนล บริการหลังการขาย ภายในปี 2567 จะพยายามเพิ่มแฟลกชิปสโตร์ให้ครอบคลุมมากที่สุด 

ขณะนี้มีพันธมิตรผู้จัดจำหน่ายชั้นนำ 2 รายคือ บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท วายเอ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด ในเครือเบญจจินดา

โดยตั้งเป้าไว้ว่า ภายในปีนี้จะทำยอดขายสมาร์ทโฟนในไทยให้ได้ 5 แสนเครื่อง หรือมีส่วนแบ่งการตลาด 2% ปี 2566 มีส่วนแบ่งการตลาด 3% และเมื่อถึงปี 2567 เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดไปถึง 5%

เขากล่าวว่า ประเทศไทยเป็นตลาดที่น่าสนใจ และแซดทีอีให้ความสำคัญกับการเข้ามาเปิดตลาดในครั้งนี้อย่างมาก โดยพบว่าสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคในไทยเปลี่ยนแปลงไป ที่น่าสนใจคือการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ สะท้อนจากผู้ใช้งานอีคอมเมิร์ซที่เติบโตเฉลี่ย 15% ทุกปี ขณะที่สัดส่วนผู้ใช้งานที่ซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟนมีมากถึง 70%

นอกจากนี้ ผู้ให้บริการเครือข่ายในไทยต่างจัดแคมเปญการตลาดเพื่อผลักดันการใช้งาน 5จี จึงทำให้สมาร์ทโฟน 5จี คุณภาพดีในราคาเอื้อมถึงได้ง่ายเป็นที่ต้องการ อีกทางหนึ่งกลุ่มผู้เริ่มต้นใช้งานสมาร์ทโฟนเป็นอีกหนึ่งเซ็กเมนท์ที่ยังมีช่องว่างเนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในตลาดยังขาดคุณภาพ

ด้านกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์จะผนึกกำลังกับทุกแบรนด์ในเครือ ทั้ง แซดทีอี นูเบีย(Nubia) และ Redmagic รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในอีโคซิสเต็มส์

“กลยุทธ์ของเราให้ความสำคัญกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ครอบคลุมผู้ใช้งานทุกกลุ่ม ควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์ไอโอที และสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ เพื่อเติมเต็มการใช้งานทั้งอีโคซิสเต็มส์”

อย่างไรก็ดี ประเดิมด้วยการเปิดตลาดสมาร์ทโฟน 5 รุ่น ครอบคลุมตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงไฮเอนด์ ประกอบด้วยรุ่น “ZTE Blade A31 Plus” ราคา 2,599 บาท, “ZTE Blade A51” 3,699 บาท, “ZTE Blade v30vita” เริ่มต้น 4,999 บาท, “Axon 30 5G” เริ่มต้น 12,990 บาท และ “Redmagic 7” เริ่มต้น 24,990 บาท

นายสมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า แนวทางธุรกิจโทรศัพท์มือถือของวีเอสที อีซีเอสเน้นโฟกัสสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่ราคาคุ้มค่า

สำหรับความร่วมมือกับแซดทีอีทางบริษัทดูแลพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคเหนือ กลาง ใต้ และตะวันตก โดยจะจัดจำหน่ายผ่านทั้งช่องทางหน้าร้านและออนไลน์ ปัจจุบันมีดีเลอร์พันธมิตรกว่า 7 พันราย

นายปภาพรต ภู่ประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วายเอ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ YAS ในกลุ่มเบญจจินดา กล่าวว่า ได้รับการแต่งตั้งให้จัดจำหน่ายและจัดส่งสมาร์ทโฟนให้กับแซดทีอีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก กรุงเทพฯ และปริมณฑล รับผิดชอบทั้งการจัดจำหน่ายให้กับหน้าร้านขายโทรศัพท์มือถือและช่องทางออนไลน์ในพื้นที่ดังกล่าว รวมจำนวนพันธมิตรช่องทางจัดจำหน่ายในพื้นที่ดังกล่าวกว่า 3,500 ราย 

ด้วยความพร้อมของระบบการจัดการที่ได้มาตราฐานและทันสมัย ทีมงานที่มีคุณภาพและประสบการณ์ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรในพื้นที่  ประกอบกับตลาดยังขาดสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่มีคุณภาพ จึงเชื่อมั่นว่าจะสมาร์ทโฟนจากแซดทีอีจะได้รับการตอบรับจากตลาด โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน 5G และสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น