NT ขยาย Data POP เชื่อมไทย สิงคโปร์-ฮ่องกง รองรับปริมาณการใช้งานของธุรกิจหลังยุคโควิด-19

NT ขยาย Data POP เชื่อมไทย สิงคโปร์-ฮ่องกง  รองรับปริมาณการใช้งานของธุรกิจหลังยุคโควิด-19

NT ขยาย Data POP เชื่อมไทย สิงคโปร์-ฮ่องกง รองรับปริมาณการใช้งานของธุรกิจหลังยุคโควิด-19

บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ผู้นำโครงข่ายสื่อสารระหว่างประเทศ ประกาศขยายช่องทางเชื่อมต่อข้อมูล Data POP เส้นทางสิงคโปร์ และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ให้รองรับปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้น หลังดีมานด์ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพุ่งขึ้นกว่าเท่าตัว 

กวินนันทน์ ภัทร์ชนันท์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์สื่อสารข้อมูล บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT กล่าวว่า “ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงเวลาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปริมาณการใช้งานวงจรสื่อสารข้อมูลระหว่างประเทศ ได้รับความนิยมมากขึ้น ทั้งจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตสำหรับบุคคลทั่วไป และการเชื่อมต่อข้อมูลของธุรกิจไปทั่วโลก NT จึงได้วางแผนขยายช่องทางสื่อสารเพิ่มเติม เพื่อรองรับปริมาณการใช้งานที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าเท่าตัวในอนาคต และจากเทรนด์การใช้งานแบนด์วิดท์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงเป็นที่มาของแผนในการขยายจุดเชื่อมต่อในการส่งข้อมูลผ่าน POP (Point of Presence) ที่ NT มีบริการในรูปแบบอินเทอร์เน็ตทั่วไป (Internet POP) ที่เชื่อมโยงผ่านอินเทอร์เน็ตเกต์เวย์ไปยังสหรัฐฯ ยุโรป และภายในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน และการสื่อสารข้อมูลแบบ Private (Data POP) เพื่อให้องค์กรธุรกิจสามารถเชื่อมโยงไปยังต่างประเทศได้บนมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด

NT ขยาย Data POP เชื่อมไทย สิงคโปร์-ฮ่องกง  รองรับปริมาณการใช้งานของธุรกิจหลังยุคโควิด-19

การขยาย Data POP  สำหรับฮ่องกง และสิงคโปร์ในครั้งนี้ เป็นการขยายช่องทางเชื่อมต่อข้อมูล จากเดิมที่มีการดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2010 แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการใช้งานเพิ่มขึ้น ทำให้ NT ต้องวางแผนในการขยายช่องทางการสื่อสารนี้ให้รองรับปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้น โดยเพิ่มระบบเคเบิลใต้น้ำ AAE-1 เชื่อมต่อ Hong Kong Data POP จากเดิมที่มีระบบเคเบิลใต้น้ำ AAG และ APG อยู่แล้ว ส่วนเส้นทางสิงคโปร์ ได้เพิ่มระบบเคเบิลใต้น้ำ TIS และ APG เชื่อมต่อ Singapore Data POP จากเดิมที่มีระบบเคเบิลใต้น้ำ AAG และ SMW4 พร้อมกับเปลี่ยนแพลตฟอร์มการทำงานให้สามารถรองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่หลากหลายมากขึ้น ”

กวินนันทน์ ขยายความต่อว่า “ส่วนหนึ่งของการอัปเดตครั้งนี้คือการเปลี่ยนแพลตฟอร์มที่ใช้งาน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้งานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการใช้ช่องทางเชื่อมต่อเคเบิลใต้น้ำที่มีความหลากหลายของทาง NT ที่ครอบคลุม และมีมากที่สุดในประเทศไทย จึงช่วยให้ผู้ใช้ในประเทศสามารถเชื่อมต่อไปยังต่างประเทศได้ดีขึ้น ทั้งในแง่ของการใช้งานอินเทอร์เน็ต และการเชื่อมต่อแบบ Private Network อีกทั้งยังลดอัตราความเสี่ยงในกรณีที่เคเบิลใต้น้ำเส้นใดเส้นหนึ่งมีปัญหา ก็จะทำการสลับช่องทางอัตโนมัติ เพื่อให้บริการมีเสถียรภาพมากที่สุด ส่วนในเชิงของเทคนิคนั้น การขยาย Capacity ในครั้งนี้ จะช่วยขยายความสามารถในการให้บริการเป็นระดับ 100 Gbps และช่วยให้ประเทศไทยมีเส้นทางสำรองในการสื่อสารไปต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าการดำเนินการขยายระบบจะแล้วเสร็จพร้อมให้บริการภายในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้”

ปัจจุบันการใช้งาน Data POP ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้งานของบริษัทต่างชาติ ที่เข้ามาตั้งสำนักงานในประเทศไทย เพื่อใช้ในการสื่อสารข้อมูลระหว่างหน่วยงาน และไม่เพียงแค่ธุรกิจในไทยเท่านั้น ที่จะได้ใช้ประโยชน์จาก Data POP ของทั้งสองแห่งนี้ กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอย่าง พม่า ลาว และกัมพูชา ที่ต้องการเชื่อมต่อไปยังสิงคโปร์ และฮ่องกง ก็สามารถเข้าถึงและใช้ทรัพยากรทางการสื่อสารของ NT ได้เช่นกัน โดยคาดว่าการลงทุนในครั้งนี้ จะเปิดโอกาสให้บริษัทในประเทศไทยสามารถขยายบริการไปยังระดับภูมิภาคและระดับโลก และแสดงศักยภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยโครงสร้างพื้นฐานทางโทรคมนาคมที่รองรับการเชื่อมต่อไปยังประเทศเศรษฐกิจปลายทางทั่วโลก เนื่องจากการเลือกจุดเชื่อมต่อ Data POP เป็นที่สิงคโปร์ และฮ่องกงนั้น ทั้งสองพื้นที่เป็นจุดศูนย์กลางของการค้า การลงทุน และการเงิน ซึ่งในฝั่งของฮ่องกงจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถเชื่อมต่อการสื่อสารไปยังฝั่งเอเชียเหนือ แปซิฟิก และสหรัฐอเมริกา ในขณะที่สิงคโปร์สามารถเชื่อมต่อการสื่อสารไปยังออสเตรเลีย อินเดีย และยุโรป นั่นจึงทำให้ทั้งสองประเทศกลายเป็นจุดเชื่อมต่อปลายทางสำคัญของภาคธุรกิจที่ต้องการเชื่อมต่อไปยังทั่วโลกอีกด้วย