“โรงงานทอผ้าเก่า”ย่านอุตสาหกรรมทิ้งร้างใจกลางเมืองบาร์เซโลนา ใช้เวลา 10 ปีปรับเปลี่ยนสู่ “บาร์เซโลนา 22@” ย่านนวัตกรรม (Innovation District) แห่งแรกๆ ของโลก ตัวอย่างโมเดลการพัฒนาย่านนวัตกรรมไทยในพื้นที่ถนนพระราม 4 ที่สำนักงานนวัตกรรมฯ ตั้งเป้า
สร้างจุดเริ่มต้นของนวัตกรและพื้นที่สร้างงานแห่งอนาคต
ต้นแบบย่านนวัตกรรม
มาร์ติน อัลเบอร์โต ผู้เชี่ยวชาญด้านเมืองอัจฉริยะจากเมืองบาร์เซโลนา กล่าวว่า ความโดดเด่นอย่างหนึ่งของเมืองบาร์เซโลนา คือผังเมืองเป็นกริด (grid) หรือบล็อกทรง 8 เหลี่ยมขนาดเท่าๆ กันทั้งเมือง ทำให้ทัศนวิสัยโล่งกว้างสำหรับการสัญจร แต่ละบล็อกมีร้านค้าจำเป็น สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านนั้นๆ รวมถึงการตัดถนนให้ขนานกัน 2 แกนทั่วทั้งเมือง เพื่อลดความหนาแน่นของการจราจร
รูปแบบการวางผังเมืองดังกล่าวได้กลายเป็นต้นแบบผังเมืองที่ทั่วโลกให้การยกย่องนอกจากนี้ การพัฒนาพื้นที่เขต 22@ นั้น จะรวมการพัฒนากิจกรรมหลายอย่าง ประกอบด้วย ที่พักอาศัย พื้นที่สีเขียว สถานที่ทำงาน สถานศึกษา ศูนย์บ่มเพาะ ศูนย์ฝึกอบรม จึงไม่ใช่พื้นที่เพื่อสตาร์ทอัพเท่านั้นแต่เป็นพื้นที่สำหรับทุกคนที่อยู่ในย่านนั้น
ความท้าทายหลักในการพัฒนาพื้นที่ย่านนวัตกรรมในบาร์เซโลนาไม่ใช่เรื่องของคน สิ่งแวดล้อม หรือปัจจุยอื่น แต่เป็นเรื่องของเงินทุน เพราะการลงทุนในโครงการนี้ใช้งบกว่า 3 พันล้านยูโรหรือราว 1.2 หมื่นล้านบาท แน่นอนว่า ภาครัฐไม่มีงบก้อนใหญ่ขนาดนั้น จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคเอกชน โดยเฉพาะบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการสร้างแรงจูงใจหรือข้อเสนอที่ดีกว่าเขตอื่น บริษัทเหล่านั้นสามารถสร้างพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น เพื่อนำไปหารายได้เพิ่มขึ้นอีก
ในทางกลับกัน บริษัทพัฒนาแต่ละบล็อกต้องคืนพื้นที่ 30% ให้กับเมืองเพื่อนำไปพัฒนาเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน คือ ที่พักอาศัยของรัฐ ศูนย์อบรม และพื้นที่สีเขียว อีกทั้งในแง่กฎหมายของเมือง รัฐจะเวนคืนที่ดินได้เมื่อได้รับความยินยอมจากผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ 66% รัฐจึงต้องทำให้ประชากรในพื้นที่มั่นใจว่า โครงการจะทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
มาร์ติน กล่าวนำเสนอในงาน District Summit 2018 ที่สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช. จัดขึ้นเป็นครั้งแรกของไทย ระหว่างวันที่ 13-14 ก.พ.นี้ ที่เคแบงก์สยามพิฆเนศ อาคารสยามสแควร์ วัน เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการพัฒนาเมืองนวัตกรรม ทั้งเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองของประเทศไทย ที่หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนกว่า 48 องค์กร ร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การพัฒนาเมือง
โดยมีผู้เชี่ยวชาญผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงพื้นที่ธุรกิจทั้งระดับโลกจาก 6 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส สเปน ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และไทย รวม 40 คน มาให้ความรู้ เปิดมุมมอง สร้างวิสัยทัศน์แก่นวัตกร ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และสตาร์ทอัพ ได้มองเห็นโอกาสในการดำรงชีวิตอย่างสะดวกสบาย พร้อมทั้งสามารถประกอบธุรกิจใหม่ๆ ภายในเมือง
เช่น Data engineers, Market research analyst, Application developer, Financial adviser, Health services manager เพื่อเตรียมความพร้อมและขยายขนาดเศรษฐกิจไทยให้เติบโตยิ่งขึ้น