'ทิปโก้แอสฟัลท์' ทุ่ม 120 ล้าน ลุยดิจิทัลทรานส์ฟอร์ม
ผนึกออราเคิลยกเครื่องไอที หวังสร้างชื่อระดับภูมิภาค
“ทิปโก้แอสฟัลท์” ปักธง ดิจิทัลทรานสฟอร์เมชั่น ดึง “ออราเคิล” ยกเครื่องระบบไอทีหลังบ้านครั้งใหญ่ ทุ่มงบ 120 ล้านบาท หวังเพิ่มประสิทธิภาพระบบหลังบ้าน งานขาย ลดเสี่ยง พร้อมสร้างชื่อระดับภูมิภาค
นายโก๊ะ ไล้ ฮวด รองกรรมการผู้จัดการ บัญชีและการเงิน บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์ ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางมะตอย กล่าวว่า บริษัทกำลังเร่งนำเทคโนโลยีไอทีมาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ ขณะเดียวกันต้องการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ
“โลกธุรกิจเปลี่ยนไปอย่างมาก ดังนั้นเราจำเป็นต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงตาม เรื่องนี้ไอทีจะเป็นตัวจักรสำคัญสำคัญที่ช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลง พร้อมปูทางสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจอย่างยั่งยืน”
สำหรับแนวทางการทำงานจะอยู่ภายใต้โครงการ “ไอเชนจ์ (iChange)” โดย 4 กุญแจสำคัญที่หวังให้ไอทีเข้ามาช่วยขับเคลื่อนประกอบด้วย ยกระดับการขาย เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการซัพพลายเชน บริหารความเสี่ยง และเพิ่มการรับรู้ในตัวบริษัทให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นในระดับภูมิภาค
นายโก๊ะ กล่าวว่า ในมุมการขายบริษัทยังต้องการเครื่องมือที่จะทำให้กระบวนการทำงานดีขึ้น ง่ายขึ้น เป็นอัตโนมัติมากขึ้น สำคัญสามารถที่จะประเมินทิศทางธุรกิจที่จะเกิดในอนาคต อีกทางหนึ่งต้องการเพิ่มความสะดวกให้กับพนักงาน โดยใน 5 ปี หวังว่ากระบวนการทำงานจะเร็วขึ้นจากปัจจุบันอีก 300%
อย่างไรก็ดี หนึ่งในพันธมิตรด้านเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนแผนงานดังกล่าวคือ “ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น” ไม่นานมานี้ร่วมมือกันนำโซลูชั่นคลาวด์ของออราคิล มาอัพเกรดระบบไอทีครั้งใหญ่ เช่น อีอาร์พี แอพพลิเคชั่นธุรกิจบนคลาวด์ ครั้งนี้ใช้งบการลงทุนไปกว่า 120 ล้านบาท
ปัจจุบัน ทิปโก้แอสฟัลท์ ครองอันดับ 1 ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางมะตอยในประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 50% ทั้งขณะนี้ยังทิ้งห่างจากคู่แข่งอย่างมาก
นายยุทธพงษ์ ชัยธรรม ผู้จัดการอาวุโส โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการวางแผนธุรกิจ บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์ เสริมว่า บริษัทเริ่มทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชั่นอย่างเป็นรูปธรรมมาตั้งแต่เดือน ธ.ค.2559 ภายใต้โครงการไอเชนจ์ แผนงานปีแรกเน้นการยกเครื่องระบบอีอาร์พี ไอทีซิเคียวริตี้ และคลาวด์
ขณะที่ ปีที่ 2 เร่งเข้าไปปรับระบบไอทีให้บริษัทสาขาทั้งหมดในไทยจนแล้วเสร็จ โดยมีสำนักงานใหญ่เป็นต้นแบบ หลังจากนั้นลุยต่อที่สาขาต่างประเทศอีก 7 แห่ง และต้องแล้วเสร็จภายในปี 2563
อย่างไรก็ดี นอกจากระบบหลักได้เริ่มนำเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (ไอโอที) มาใช้ในโรงงาน เช่น เซ็นเซอร์สำหรับตรวจจับการทำงานของเครื่องจักร นำไปช่วยในการลดกระบวนการและเวลาการทำงานของรถขนยางมะตอย
นอกจากนั้น มองเรื่องการพัฒนาด้านโมบิลิตี้เพื่อว่าพนักงานจะได้ทำงานได้คล่องตัว ทุกที่ทุกเวลา เป็นดิจิทัลมากขึ้น ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น
“แง่ของการคืนทุนเราไม่ได้หวังเป็นเชิงตัวเลขรายได้ แต่มุ่งปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพในภาพรวม”
พร้อมระบุว่า ผู้เล่นทุกรายในอุตสาหกรรมเดียวกันต่างตื่นตัวที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้ อีกหนึ่งแรงจูงใจมาจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ภาครัฐให้มากเป็นพิเศษสำหรับการลงทุนด้านไอที
ชี้ธุรกิจตื่นตัวดึงดิจิทัลเข้าถึงลูกค้า
นายณัฐศักดิ์ โรจนพิเชฐ กรรมการผู้จัดการ ประจำประเทศไทยและเมียนมา ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ประเมินขณะนี้องค์กรธุรกิจในประเทศไทยตื่นตัวอย่างมากกับดิจิทัลทรานสฟอร์เมชั่น จากแต่ก่อนเป้าหมายของการลงทุนไอที เช่น อีอาร์พี เพียงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน
ขณะนี้ต่างต้องการเข้าไปใกล้ชิดลูกค้ามากขึ้น ตอบสนองความต้องการได้ดีขึ้น รวมไปถึงเพิ่มโอกาสสร้างรายได้หรือการเติบโตจากบริการใหม่ๆ
สำหรับ โครงการที่ทำร่วมกับทิปโก้แอสฟัลท์นับว่าค่อนข้างใหญ่ ซึ่งเชื่อว่าจะมีส่วนสำคัญที่เข้าไปช่วยผลักดันให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง พร้อมลดปัญหาการขยายตลาดไปสู่ระดับภูมิภาคซึ่งไม่ง่ายมากนัก ขณะเดียวกันมีความซับซ้อนพอสมควร







