'ไผ่'ดีไซน์เอนกอนันต์

'ไผ่'ดีไซน์เอนกอนันต์

ไม้ไผ่มีข้อด้อยหลายประการจึงกลายเป็นไม้นอกสายตาของช่างเฟอร์นิเจอร์และมัณฑนากร แต่ไม่ใช่สำหรับ"ธนา ทิพย์เจริญ"กลับมองว่าเป็นวัสดุมหัศจรรย์

บุษกร ภู่แส รายงาน

ไม้ไผ่มีข้อด้อยหลายประการ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องแมลงในเนื้อไม้ แถมยังไม่มีรูปแบบให้เลือก ข้อจำกัดดังกล่าวทำให้ไผ่กลายเป็นไม้นอกสายตาของช่างเฟอร์นิเจอร์และมัณฑนากร แต่ไม่ใช่สำหรับ"ธนา ทิพย์เจริญ" ที่คลุกคลีอยู่กับต้นไผ่และธุรกิจหน่อไม้ของครอบครัวมาตั้งแต่เกิด จึงเห็นไผ่เป็นวัสดุมหัศจรรย์มีคุณประโยชน์เอนกอนันต์

ในต่างประเทศมีงานวิจัยนำไม้ไผ่มาผลิตเป็นเครื่องนุ่งห่มและสกัดเป็นน้ำมัน ขณะที่ ญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน อินเดีย อินโดนีเซีย เวียดนาม อาร์เจนตินา ประเทศเหล่านี้ใช้ไผ่เป็นวัสดุสร้างบ้านอย่างจริงจัง

เทคโนโลยีเพิ่มมูลค่า

ธนาผันตนเองจากมนุษย์เงินเดือนมาเป็นผู้ประกอบการ เริ่มต้นจากเฟอร์นิเจอร์ไม้ไผ่ ต่อมาขยายชิ้นงานเป็นพื้นปาร์เกต์ ผนังตกแต่ง หลังคากระทั่งสามารถสร้างบ้านได้ทั้งหลัง ความสวยงามอยู่ที่ลวดลายของเนื้อไม้ที่แตกต่างจากไม้ชนิดอื่นอย่างสิ้นเชิง เป็นความสวยงามเฉพาะตัว เมื่อนำไปทดสอบพบว่ามีความแข็งแรง รับแรงกดได้สูง เมื่ออบจนแห้งแล้ว ไม้ไผ่จะมีการเซตตัวไม่ขยายหรือหด ทั้งยังมีการบิดตัวน้อย

"ถ้าคุณสมบัติทางกายภาพของไม้คือลวดลาย คนเราซื้อไม้สักก็ชอบลวดลายไม้สัก จะซื้ออะไรก็ชอบลวดลายของไม้ชนิดนั้น สีของไม้ชนิดนั้น ไม้ไผ่ก็มีเอกลักษณ์ที่ไม้อื่นทำไม่ได้ เป็นพื้นผิวของหน้าตาจากนั้นในเบื้องลึก แท้จริงแล้วไม้ไผ่เป็นไม้เนื้ออ่อนที่แข็งแรงที่สุดในบรรดาไม้เนื้ออ่อน เนื่องจากไม้ไผ่เป็นเซลล์เดียวยาว มีการรับน้ำหนักดี กดไม่หัก แต่งอ จุดที่รับน้ำหนักเท่ากัน" ธนา ผู้ก่อตั้งบริษัท พิมธา จำกัด ผลิตผลิตภัณฑ์ไม้ไผ่แบรนด์ Za-baai Bamboo กล่าว

กว่าจะได้ไม้ไผ่ที่ดีมีคุณภาพ เขาต้องค้นคว้าและพัฒนาเทคนิคป้องกันมอดใช้เวลาอยู่ 2-3 ปีจนประสบความสำเร็จ โดยลงทุนติดตั้งเครื่องจักรและเปลี่ยนระบบการแช่น้ำยามาเป็นการอัดด้วยระบบสุญญากาศ จากนั้นก็เริ่มพัฒนาฝีมือการผลิตให้ได้ชิ้นงานละเอียดรวมถึงพัฒนาการแปรรูปไม้ไผ่ในรูปแบบต่างๆ เพื่อป้อนให้กับโรงงานหรือสถาปนิกหรือมัณฑนากรที่สนใจ

"ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการรักษาเนื้อไม้ ช่วยให้ไม้ไผ่มีความแข็งแรง ทนทาน สามารถใช้งานได้ยาวนานโดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศ (Vaccum Pump) ดูดแมลงที่เข้าไปอยู่ในไม้ไผ่ออกมา จากนั้นก็เริ่มอัดน้ำยากำจัดแมลงเข้าไปในเนื้อไม้แทนอากาศที่ดูดออกมา แล้วจึงนำไม้เข้าไปใส่ในห้องอบแห้ง ซึ่งจะช่วยให้ไม้อยู่ตัวไม่ยืดไม่หดเมื่อนำไปใช้งาน" ธนากล่าว

ในประเทศไทยมีสายพันธุ์ไผ่มากมายกระจัดกระจายขึ้นอยู่ทั่วทุกภูมิภาค แต่แหล่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงคือจังหวัดปราจีนบุรี จึงไม่น่าเป็นห่วงว่าจะขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตสินค้า แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ทัศนคติของไทยที่มีต่อไม้ไผ่ ว่าเป็นได้แค่หัตถกรรมของชาวบ้าน

ดังนั้น เพื่อลบความคิดดังกล่าว ธนา จึงพยายามที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ของไม้ไผ่ ด้วยการออกแบบไม้ไผ่ในรูปแบบต่างๆ เพื่อนำเสนอให้กับโรงงานผลิตสินค้านำไปสานต่อได้อย่างลงตัว และดูร่วมสมัย

ดีไซน์ร่วมสมัย

ผลงานที่สะท้อนให้เห็นถึงความงามของไม้ไผ่ในสายตาของเขาก็คือ โครงการ Soneva Kiri by Six Senses เกาะกูด รีสอร์ตระดับห้าดาว ซึ่งใช้ไม้ไผ่แปรรูปจากโรงงานในการตกแต่งภายในห้องพักและวัสดุประกอบเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด เป็นจุดพลิกผันในการทำธุรกิจไม้ไผ่กระทั่งเป็นที่รู้จักในวงการก่อสร้าง

"เราประมูลได้โครงการนี้ เพราะเจ้าโครงการชอบงานไม้ไผ่ที่ให้ความรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติ ต่อจากนั้นหันมาทำงานตกแต่งพื้น ผนังและหลังคาจากไม้ไผ่ หยุดไลน์ผลิตงานเฟอร์นิเจอร์เพื่อทำงานวัสดุตกแต่งภายในและงานก่อสร้างที่ทำจากไม้ไผ่อย่างจริงจัง"

ปัจจุบันกระบวนการผลิตกึ่งอุตสาหกรรม ที่ต้องใช้เครื่องจักรผสมผสานกับงานฝีมือในรูปแบบที่กลุ่มลูกค้าชื่นชอบ ออกมานำเสนอโดยสัดส่วนหลัก 90% จำหน่ายในประเทศ จากประสบการณ์ 20 ปี ธนา เชื่อมั่นว่า งานไม้ไผ่ยังมีศักยภาพอีกมาก นอกจากเป็นวัสดุก่อสร้างและวัสดุตกแต่งแล้ว ยังมีเรื่องของเส้นใยไผ่หรือแบมบูไฟเบอร์ที่รอการพัฒนาเข้าสู่ธุรกิจด้านการเสริมสุขภาพ

"ขณะนี้ Za-baai Bamboo สร้างรายได้ร่วม 100 ล้านบาทต่อปี และพร้อมที่จะแข่งขันในตลาดโลกโดยนำเสนอสินค้าและไอเดียจากนวัตกรรมที่ทำมาจากไม้ไผ่" ธนากล่าว