จับตา ‘เกมทำกำไร’! บนสมรภูมิอีคอมเมิร์ซ ‘ลาซาด้า-ช้อปปี้’ ขึ้นค่าธรรมเนียม

ข้อมูลจาก Creden data รายงานผลประกอบการของ ลาซาด้า ประเทศไทย (Lazada) ปี 2565 อยู่ที่กว่า 20,675 ล้านบาท มีกำไรสุทธิเป็นบวกมากกว่า 400 ล้านบาท ขณะที่ ช้อปปี้ ประเทศไทย ( Shopee) รายงานผลประกอบการเมื่อปี 2564 อยู่ที่ 13,322 ล้านบาท แต่กำไรสุทธิยังติดลบที่ 4,972 ล้านบาท

ปัจจุบัน สมรภูมิอีคอมเมิร์ซในไทย เหลือผู้เล่นรายหลักเพียงแค่ 2 ราย คือ ลาซาด้า ของกลุ่มทุน อาลีบาบา และ ช้อปปี้ ของ Sea Group กลุ่มทุนสิงคโปร์ ที่ครองตลาดไทยแบบเบ็ดเสร็จ

จับตาเกม “ทำกำไร”

นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพย์ โซลูชั่น จำกัด และผู้ก่อตั้ง TARAD.com ผู้คร่ำหวอดในวงการอีคอมเมิร์ซไทย โพสต์ในเฟซบุ๊คส่วนตัวจับตา “สงครามอีมาร์เก็ตเพลสที่จบลงแล้ว” และประเด็นที่ต้องจับตาดูต่อ คือ เรื่องการผูกขาดตลาดอีคอมเมิร์ซ โดยระบุว่า ตามที่เคยคาดไว้ก่อนหน้านี้ เทรนด์อีคอมเมิร์ซไทยเมื่อสงครามอีมาร์เก็ตเพลสจบลง ลาซาด้า และช้อปปี้ จะประกาศขึ้นราคาค่าบริการ เพื่อเริ่มเข้าสู่ “เกมทำกำไร” เต็มรูปแบบ

ล่าสุดทั้ง 2 รายประกาศขึ้นราคาค่าธรรมเนียมเป็นที่เรียบร้อย โดยเริ่มขึ้นราคาค่าบริการ และเก็บค่าบริการต่างๆ เพิ่ม ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาทั้ง 2 ราย ใช้เงินลงทุนนวนมาก ขาดทุนไปเป็นหมื่นล้านตลอด 10 ปี และเมื่อมีการลงทุนไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การแจกคูปอง โปรโมชั่นส่งฟรี  อัดโฆษณาต่างๆ มากมาย ตอนนี้ถึงเวลาเก็บผลผลิตที่ได้ลงทุนทำไว้

"แต่ผมกังวลเรื่อง “การผูกขาดการค้าออนไลน์”​ โดยเฉพาะ มาร์เก็ตเพลส ที่ตอนนี้ประเทศไทยมีแค่ ลาซาด้า กับ ช้อปปี้ เท่านั้น หน่วยงานรัฐ อย่างกระทรวงพาณิชย์ฯ สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ควรเริ่มสังเกตดูถึงราคาค่าบริการ การขึ้นราคาว่า เป็นธรรมกับลูกค้าหรือไม่ ขณะที่ เอาจริงๆ ก็ต้องแฟร์กับอีมาร์เก็ตเพลสด้วย เพราะเขาเทเงินเป็นหมื่นๆ ล้านในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้น การมีตัวกลางอย่างรัฐเข้ามาดูและสอดส่องจะทำให้เรามั่นใจว่า การให้บริการอีมาร์เก็ตเพลสไทย แข่งขันและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายจริงๆ"

แนะผู้ค้า-เอสเอ็มอี ควรมีแพลตฟอร์มของตัวเอง

นายสมยศ เชาวลิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.ไอ.บี. คอมพิวเตอร์ กรุ๊ป ร้านค้าปลีกไอทีและอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ชั้นนำ กล่าวว่า แม้มีแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวมถึงมาร์เก็ตเพลสต่างๆ แต่เอสเอ็มอีควรมีช่องทางออนไลน์ มีเว็บไซต์ของตัวเอง เพื่อลดความเสี่ยงจากการปิดให้บริการ

รวมถึงเรื่องค่าบริการและค่าธรรมเนียม ซึ่งจะเห็นได้ว่ามาร์เก็ตเพลสต่างๆ มีการขึ้นค่าธรรมเนียมอยู่ต่อเนื่อง

“ลาซาด้า”แจงผู้ค้าขึ้นค่าธรรมเนียม

ลาซาด้า ได้ออกประกาศแจ้งไปยังผู้ขาย หรือพ่อค้าแม่ค้าในแพลตฟอร์ม ระบุว่า ลาซาด้า จะมีการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าธรรมเนียมการใช้บริการมาร์เก็ตเพลส จากอัตรา 2.14% (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) ในทุกหมวดหมู่สินค้า เป็นอัตราค่าธรรมเนียมตามหมวดหมู่สินค้า เช่น หมวดสินค้าดิจิทัล จากอัตรา 2.14% อัตราใหม่ 3.21% เช่นเดียวกับ หมวดหมู่สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าอุปโภค บริโภค สินค้าทั่วไป สินค้าแฟชั่น

ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมใหม่ จะมีผลกับคำสั่งซื้อที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เวลา 0:00 เป็นต้นไป กรณีคำสั่งซื้อที่ถูกสร้างขึ้นก่อน 1 เม.ย. 2566 ร้านค้าจะยังไม่ถูกเก็บค่าธรรมเนียมมในอัตราใหม่ และจะไม่มีการเก็บย้อนหลัง

อย่างไรก็ตาม ลาซาด้าจะมีส่วนลดค่าธรรมเนียมส่วนเพิ่ม 1.07% เป็นระยะเวลาสูงสุด 3 เดือนด้วย นับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย-30 มิ.ย.66 ให้ร้านค้าที่ผ่านทั้ง 3 เงื่อนไขดังต่อไปนี้ คือ 1.ร้านค้าที่เข้าร่วมโปรแกรม จัดส่งเร็วพิเศษ ร้านค้าที่ใช้บริการขนส่งที่จัดส่งโดย Lazada Express รวมถึงร้านที่ใช้บริการผู้จัดส่งเข้ารับแบบ 2 ราย 2.ร้านค้า ที่มีอัตราการจัดส่งเร็วพิเศษ มากกว่า 95% 3.ร้านค้าที่อยู่ในระดับ 4 หรือสูงกว่า

ขณะที่ ระบุว่า จะเพิ่มงบประมาณสำหรับโปรโมทแคมเปญและรายการส่งเสริมการขายเพื่อทำตลาด ในทุกช่องทางดึงดูดนักช้อปให้เข้ามาช้อปในแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น พร้อมเตรียมพร้อมสำหรับแคมเปญใหญ่ช่วงกลางปีได้แก่ 6.6 และแคมเปญอื่นๆ ที่กำลังเกิดขึ้นเร็วนี้

โดยลาซาด้า จะตรวจสอบร้านค้าที่ผ่านเงื่อนไข ได้รับสิทธิส่วนลดค่าธรรมเนียม ส่วนเพิ่ม 1.07% ในทุกสิ้นเดือน และจะทำการคืนเงินส่วนต่างค่าธรรมเนียม ภายใน 2 เดือน หลังจากรอบเดือนนั้นๆ โดยร้านค้ายังคงต้องชำระค่าธรรมเนียมฯ ในอัตาาปกติ

ที่มา : เฟซบุ๊ค pawoot

“ช้อปปี้” ก็ประกาศขึ้นราคา

ขณะที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช้อปปี้ ล่าสุดก็ได้ออกประกาศขึ้นค่าธรรมเนียมการขายสำหรับผู้ค้าเช่นกัน โดยจะเน้นใน 3 หมวดหลัก ได้แก่  สินค้าแฟชั่นหมวดอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าไลฟ์สไตล์ อุปโภค-บริโภค