‘เดวิด หลี่’ นำทัพ ‘หัวเว่ย’ ประกาศรบ ภัยคุกคามไซเบอร์!!

‘เดวิด หลี่’  นำทัพ ‘หัวเว่ย’  ประกาศรบ ภัยคุกคามไซเบอร์!!

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ย่อมมาพร้อมกับภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์ และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งสามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ และสังคมในระดับที่ประเมินค่าไม่ได้

ปัจจุบัน ภาคเศรษฐกิจและสังคมโลกกำลังเร่งมุ่งหน้าเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านทางด้านเครือข่ายยุคดิจิทัล และสู่ความเป็นอัจฉริยะ โลกไซเบอร์ได้ผสานเข้ากับเศรษฐกิจและสังคมจนเป็นเนื้อเดียว และการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีดิจิทัลก็มีความลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีดิจิทัล อาทิ คลาวด์ บิ๊กดาต้า AI และ 5จี ต่างสร้างโมเมนตัมใหม่ ๆ ให้แก่การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ เศรษฐกิจดิจิทัลได้กลายเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยผลักดันให้เกิดการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงหลังสถานการณ์ระบาดของโควิด-19

ขณะเดียวกัน ความท้าทายด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้กลายเป็นปัญหาที่มีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ขอบเขตของเครือข่ายต่าง ๆ เริ่มเลือนหาย จุดอ่อนในระบบเริ่มมีมากขึ้น พื้นที่ที่สุ่มเสี่ยงต่อการโจมตีทางไซเบอร์ก็กว้างใหญ่ขึ้น และเหตุการณ์การเจาะระบบความปลอดภัยที่มีเป้าหมายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญก็มีจำนวนถี่ขึ้นตามไปด้วย ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนที่ว่านี้ บทบาทพื้นฐานของความปลอดภัยทางไซเบอร์จึงมีความสำคัญมากขึ้น

ครอบคลุมถึงคำถามที่ว่าเราจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นทางดิจิทัลได้อย่างไร เพิ่มศักยภาพของความน่าเชื่อถือด้านความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานสำคัญได้อย่างไร จะปกป้องการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลขององค์กรต่าง ๆ ได้อย่างไร รวมถึงจะสามารถจัดการความเสี่ยง ทำให้เกิดการปฏิบัติตามมาตรฐาน และต้องทำให้แน่ใจได้ว่าความปลอดภัยทางเครือข่ายและข้อมูล ความท้าทายและโอกาสต่าง ๆ ในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ จะสามารถช่วยปกป้องการพัฒนาของเศรษฐกิจดิจิทัลได้

สถิติภัยคุกคามทางไซเบอร์ของไทยในปี 2565 โดยสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) พบว่า ประเทศไทยมีอัตราการเกิดภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มสูงขึ้นถึงเท่าตัว จากปี 2564 ที่มี 135 เหตุการณ์ เป็น 772 เหตุการณ์ในปี 2565 ส่วนใหญ่เป็นการโจมตีข้อมูลบนเว็บไซต์ ด้านการศึกษาและภาคสาธารณะ

“เดวิด หลี่” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงประเด็น ความปลอดภัยทางไซเบอร์ว่า การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ย่อมมาพร้อมกับภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์ และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งสามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ และสังคมในระดับที่ประเมินค่าไม่ได้ หากหน่วยงานหรือองค์กรต่าง ๆ ขาดมาตรการเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ

"หัวเว่ย เห็นถึงความสำคัญความปลอดภัยทางไซเบอร์ในปัจจุบัน และมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อเพิ่มศักยภาพด้านดังกล่าวให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา ได้ร่วมมือกับภาครัฐบาลและภาคเอกชนในไทย เดินหน้าผลักดันหลากหลายโครงการ เพื่อวางรากฐานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และการปกป้องข้อมูลร่วมกัน เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการและหน่วยงานต่าง ๆ ในการรับมือกับภัยคุกคามในอนาคต"

เช่น การจัดนิทรรศการสัปดาห์วิชาการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ การประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมรับพระราชบัญญัติป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)และงานสัมมนาประจำปีด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เป็นต้น

เปิดแผนรบภัยไซเบอร์ ฉบับ หัวเว่ย

ทั้งนี้ ในปี 2566 หัวเว่ย ประเทศไทย จะเน้นโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมและมีความปลอดภัย ควบคู่กับการยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์ในไทยไปอีกขั้น ยกระดับประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และการปกป้องข้อมูลให้แก่โครงสร้างพื้นฐานไอซีทีในไทย ควบคู่กับการแบ่งปันองค์ความรู้และหลักปฏิบัติด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับเทคโนโลยี 5จี ให้หน่วยงานซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ในไทย และลูกค้า เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่อีโคซิสเต็มด้านไซเบอร์ของประเทศ

ส่วนการปกป้องข้อมูล หัวเว่ย จะสนับสนุนธุรกิจและ “สตาร์ทอัพ” ต่างๆ ในไทยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคลาวด์ที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นไปตามข้อกำหนดของ พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ของไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับดัชนีความปลอดภัยทางไซเบอร์ในระดับโลก (GCI) ให้แก่ประเทศไทย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้แก่ประเทศในระดับสากล

หัวเว่ย ยังพร้อมเดินหน้าสร้างบุคลากร ที่มีความเชี่ยวชาญความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง ด้วยโครงการฝึกอบรมนักพัฒนาที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีให้ได้ถึง 20,000 คน ภายในระยะเวลา 3 ปี ไม่ว่าจะเป็น โครงการบ่มเพาะธุรกิจเอสเอ็มอี Spark Ignite โครงการรถดิจิทัลเพื่อสังคมซึ่งจะต่อยอดให้ครอบคลุมในพื้นที่10จังหวัด ฝึกอบรมนักเรียนให้ถึง 2,000 คน งานสัมมนา Talent Talk ต่อยอดองค์ความรู้ด้านดิจิทัลจากภาคส่วนต่างๆ และโครงการ Seeds for the Future ซึ่งจะมีทั้งการฝึกอบรม มอบทุนการศึกษา และการแข่งขันในกลุ่มเยาวชน เพื่อแบ่งปันความรู้ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ให้เข้าถึงและครอบคลุมกลุ่มคนที่หลากหลาย

"เทคโนโลยีไอซีที และการเชื่อมต่อระดับโลก ถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาความก้าวหน้าของมนุษยชาติมาเป็นเวลาเนิ่นนาน เทคโนโลยีอย่าง 5จี ช่วยผลักดันวิถีชีวิตดิจิทัล เปลี่ยนแปลงภาคเศรษฐกิจและสังคม ขยับขยายโอกาสของการร่วมมือ และการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะการที่เทคโนโลยีต่างๆ เชื่อมต่อถึงกันได้มากขึ้น ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า เครือข่ายและอุปกรณ์ทั้งหลาย จะผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเทคโนโลยีมากขึ้นตามไปด้วย แต่ขณะเดียวกันก็จะทำให้เกิดความเสี่ยงมากขึ้น และต้องหาทางรับมือด้วยการทำให้เทคโนโลยีมีความน่าเชื่อถือ เสถียร และสามารถเข้าถึงได้เมื่อจำเป็น"

ร่วมมือรัฐ เอกชน สร้างความแข็งแกร่ง

เดวิด กล่าวว่า หากเราเพิ่มความแข็งแกร่ง และจดจ่อไปที่ความร่วมมือระหว่างรัฐ และเอกชน ในการมุ่งหน้าเพื่อสร้างข้อตกลงสำคัญร่วมกันในแง่ของมาตรฐานทางไซเบอร์ ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความแข็งแกร่งของความร่วมมือในระดับโลก เพื่อพัฒนาเป้าหมายและมาตรฐานที่สามารถประยุกต์ใช้ร่วมกัน จัดการกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เราจะสามารถพัฒนาอีโคซิสเต็มด้านดิจิทัลที่ความปลอดภัยยิ่งขึ้น และพร้อมต่อนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะมาถึง

“หัวเว่ย ยังคงเดินหน้าประสานความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเปิดกว้าง และมีเป้าหมายเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการปกป้องข้อมูลสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีของประเทศ รวมทั้งสร้างอีโคซิสเต็มด้านดิจิทัลที่ปลอดภัยและเข้าถึงได้ สานต่อพันธกิจ เติบโตไปพร้อมกับประเทศไทย สนับสนุนประเทศไทย เพื่อนำประเทศไทยสู่การเชื่อมต่ออัจฉริยะที่สมบูรณ์แบบและปลอดภัยในยุคดิจิทัล"