‘เอดับบลิวเอส’ ดันคลาวด์ ยกระดับองค์กรธุรกิจไทย

‘เอดับบลิวเอส’ ดันคลาวด์ ยกระดับองค์กรธุรกิจไทย

“เอดับบลิวเอส” เดินหน้าลงทุนไทย ดันบริการคลาวด์ เอไอ แมชชีนเลิร์นนิง ยกระดับธุรกิจ เผยแผนการลงทุนคลาวด์รีเจียนอยู่ระหว่างการดำเนินการ คาดสามารถแล้วเสร็จตามกำหนด เชื่อปีนี้ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันยังเป็นกระแสหลักการลงทุนภาคธุรกิจ

นายวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการ ประจำประเทศไทย อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) หรือ เอดับบลิวเอส กล่าวว่า ปี 2566 นี้ภาพรวมการลงทุนด้านไอทีรวมถึงดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในประเทศไทย ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

เอดับบลิวเอส พบว่า องค์กรธุรกิจในอาเซียนให้ความสำคัญกับการนำดิจิทัลมาช่วยพลิกฟื้นธุรกิจจากวิกฤติโควิด เพิ่มความคล่องตัว และทำให้องค์กรสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยืดหยุ่น เตรียมความพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์

ขณะที่ การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า ภาพรวมตลาดคลาวด์มีแนวโน้มขยายตัวมากกว่า 30% ซึ่งเอดับบลิวเอสเองมีมุมมองเชิงบวก และเชื่อว่าโอกาสทางการตลาดมีอยู่มากกว่าที่ทางการ์ทเนอร์ประเมินไว้ โดยเฉพาะธุรกิจการเงิน ค้าปลีก และการผลิต

“ลูกค้าต่างเห็นถึงความสำคัญของการนำดิจิทัล โดยเฉพาะเทคโนโลยีคลาวด์มาปรับใช้ ซึ่งที่ผ่านมาคลาวด์มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อไทม์ทูมาร์เก็ต การขยายตลาดใหม่ๆ รวมถึงการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ”

สำหรับเอดับบลิวเอส ทิศทางธุรกิจยังคงปักธงบริการคลาวด์อินฟราสตรักเตอร์ รวมถึงโซลูชันด้านคลาวด์ที่จะช่วยยกระดับการบริหารจัดการ และการทำงานของภาคธุรกิจ ครอบคลุมไปถึงดาต้า การวิเคราะห์ข้อมูล เอไอ แมชีนเลิร์นนิง และซิเคียวริตี้ โดยบริการที่นำเสนอจะสามารถตอบโจทย์ที่มีความเฉพาะจงทางของธุรกิจแต่ละประเภทได้เป็นอย่างดี

หลังจากนี้ จะมีการผลักดันการใช้เอไอ และแมชีนเลิร์นนิงให้กว้างขึ้น โดยนอกจากธุรกิจขนาดใหญ่จะขยายไปยังธุรกิจขนาดกลางและเล็กมากขึ้น ประเมินขณะนี้เอดับบลิวเอสพบว่า ไทยเองมีความสนใจ และเริ่มลงทุนด้านนี้อย่างเป็นรูปธรรมกันบ้างแล้ว

นอกจากนี้ ขยายฐานพันธมิตรผู้ติดตั้งระบบ (เอสไอ) อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีพันธมิตรหลักเช่น บมจ. เอ็มเอฟอีซี หรือ เอ็มเฟค, บมจ.เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น, รวมถึงพันธมิตรด้าซอฟต์แวร์ Amity, ทูซีทูพี, และไวซ์ไซท์

สำหรับ ความคืบหน้าการลงทุนคลาวด์รีเจียนในประเทศไทย ขณะนี้กำลังเดินหน้าไปตามแผนที่ได้ประกาศไว้ซึ่งภายในสามปีนี้จะเริ่มดำเนินการได้อย่างแน่นอนตามกำหนด และเมื่อมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

อย่างไรก็ดี เหตุผลที่บริษัทแม่เลือกเข้ามาลงทุนในไทย หลักๆ เห็นว่าไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพ มองถึงเรื่องการสนับสนุนของนโยบายภาครัฐ ความพร้อมธุรกิจต่อการใช้คลาวด์ ทิศทางการเติบโตและการเปิดรับการใช้เทคโนโลยี แหล่งพลังงาน และทักษะของคนในประเทศ ซึ่งไทยอยู่ในจุดที่มีความพร้อมในทุกด้านดังที่กล่าวมา 

เอดับบลิวเอส วางงบการลงทุนกว่า 1.9 แสนล้านบาท เพื่อลงทุนในประเทศไทยในระยะเวลา 15 ปี โดยเป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ ด้วยการเปิดตัว รีเจียน (Region) ชื่อว่า AWS Asia Pacific (Bangkok) รีเจียนแห่งใหม่ซึ่งจะประกอบด้วย Availability Zone 3 แห่งเพิ่มเติมจาก Availability Zone ของ เอดับบลิวเอสที่มีอยู่แล้ว 87 แห่งใน 27 ภูมิภาคทั่วโลก โดยวางตำแหน่งให้ประเทศไทยเป็นด่านหน้าสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลระดับภูมิภาค

รีเจียนดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญต่อการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล การพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลของทั้งนักพัฒนา สตาร์ตอัป และองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน การศึกษา และองค์กรไม่แสวงผลกําไร ทั้งส่งผลดีทำให้ผู้ประกอบการต่างๆ ได้รับมาตรการความปลอดภัยในการเก็บข้อมูลเอาไว้ในไทยมากขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้ข้อมูลของธุรกิจในไทยอาจต้องเก็บไว้ในคลาวด์ที่มีศูนย์อยู่ในต่างประเทศ

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์