กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ เผยภาพถ่าย "เนบิวลาทารันทูลา" สุดคมชัด

กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ เผยภาพถ่าย "เนบิวลาทารันทูลา" สุดคมชัด

กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (JWST) เผยภาพถ่ายของ "เนบิวลาทารันทูลา" (Tarantula Nebula) สุดคมชัดเหนือจินตนาการ

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ( ​​​​​สดร.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เปิดเผยผ่านเพจ NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ระบุว่า ภาพถ่ายใหม่จากกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (JWST) เปิดเผยให้เห็นมุมมองที่น่าตื่นเต้นและไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนของพื้นที่ก่อกำเนิดดาวฤกษ์ที่มีชื่อว่า “เนบิวลาทารันทูลา” (Tarantula Nebula)

ภาพนี้เป็นภาพที่ได้จากอุปกรณ์เก็บข้อมูลความละเอียดสูงต่าง ๆ ที่สังเกตการณ์ในย่านรังสีอินฟราเรด แสดงให้เห็นดาวฤกษ์อายุน้อยนับหมื่นดวงที่ไม่เคยถ่ายได้มาก่อนในเนบิวลาทารันทูลา (หรือในชื่อเดิม “30 Doradus” ตามชื่อกลุ่มดาวปลากระโทงแทง (Dorado)) ซึ่งเป็นกลุ่มฝุ่นและแก๊สขนาดใหญ่ในอวกาศ และเป็นแหล่งก่อกำเนิดของดาวฤกษ์จำนวนมาก

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ในภาพความละเอียดสูงนี้ แสดงให้เห็นหย่อมพื้นที่ใน "เนบิวลาทารันทูลา" ที่ดูคล้ายพื้นที่หลบซ่อนฝังตัวของแมงมุมทารันทูลา ขณะที่กลุ่มฝุ่นแก๊สในเนบิวลาดูคล้ายเส้นไหมพลิ้วไหว และยังสามารถบันทึกภาพกาแล็กซีที่อยู่เบื้องหลังห่างไกลออกไปได้อีกด้วย

"เนบิวลาทารันทูลา" เป็นแหล่งกำเนิดดาวฤกษ์ที่อยู่ในกาแล็กซีเมฆแมกเจลแลนใหญ่ (Large Magellanic Cloud) ซึ่งเป็นกาแล็กซีบริวารของทางช้างเผือก อยู่ห่างจากโลกประมาณ 161,000 ปีแสง บริเวณกลางของเนบิวลานี้มีกระจุกดาวเกิดใหม่มีมวลรวมประมาณ 5 แสนเท่าของมวลดวงอาทิตย์ และปล่อยพลังงานออกมามหาศาล

นักดาราศาสตร์สนใจเนบิวลาแห่งนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากมีองค์ประกอบทางเคมีที่ใกล้เคียงกับองค์ประกอบของเอกภพ ในยุคที่เอกภพมีอายุเพียงไม่กี่พันล้านปี (ปัจจุบันเอกภพมีอายุประมาณ 13,800 ล้านปี) ดังนั้น การศึกษาการก่อตัวของดาวฤกษ์ในเนบิวลาแห่งนี้จะช่วยทำความเข้าใจถึงสภาพในอดีตของเอกภพและการก่อตัวของดาวฤกษ์ในยุคแรกเริ่มด้วย

ภาพนี้เป็นภาพถ่ายล่าสุดที่เผยแพร่จาก JWST สู่สาธารณชน หลังจากที่ปล่อย JWST ขึ้นสู่อวกาศในวันคริสต์มาสปีที่แล้ว (2021) และส่งภาพถ่ายชุดแรกกลับมาเมื่อเดือนกรกฎาคมปีนี้ และในชุดภาพถ่ายล่าสุดนี้ ยังมีภาพอื่นร่วมกับเนบิวลาทารันทูลาด้วย อย่างภาพถ่าย “วงแหวนไอน์สไตน์” (Einstein ring) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ความโน้มถ่วงกาแล็กซีด้านหน้าบิดทางเดินของแสงจากกาแล็กซีที่อยู่ด้านหลัง ทำให้ภาพกาแล็กซีด้านหลังปรากฏเป็นรูปวงแหวน

แปลและเรียบเรียง :
พิสิฏฐ นิธิยานันท์ - เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ชำนาญการ สดร.


อ้างอิง : space