จับตาแผนรุก! ช้อปปี้ พลิกขาดทุน สู่ 'กำไร' โฟกัสเกมถนัด หยุดธุรกิจไม่ทำกำไร

เจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซ "ภาวุธ" ชี้ จับตาเกมใหม่ "ช้อปปี้" หลังประกาศปลดพนักงาน ShopeePay และ ShopeeFood มากกว่าครึ่ง วิเคราะห์ คือ การถอยธุรกิจออฟไลน์ เพื่อมุ่งออนไลน์ เกมถนัดเต็มตัว ชี้ วิกฤติเศรษฐกิจโลก เงินเฟ้อ น้ำมันแพง มีส่วนกระทบ
ภายหลังเกิดกระแสข่าวการปลดพนักงานจำนวนมาก ในภูมิภาคอาเซียน ทั้งอินโดนีเซีย เวียดนาม รวมถึงไทย ของ “ช้อปปี้” (Shopee) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ โดยเฉพาะในส่วน ช้อปปี้ เพย์ (ShopeePay) และ ช้อปปี้ ฟู้ด (ShopeeFood) ที่คาดว่าจะปลดพนักงานมากถึงครึ่งหนึ่ง ประกาศเลิกกิจการในอินเดีย และฝรั่งเศส
"ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ” เจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซไทย และกรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ บริษัท TARAD.com กล่าวว่า อุตสาหกรรมดิจิทัล กำลังย่อตัวลงเล็กน้อยจากภาวะเศรษฐกิจโลก ราคาพลังงาน เงินเฟ้อ ความผันผวนสูงของตลาดคริปโทฯ กระทบกับการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยี
โดยกลุ่ม SEA บริษัทแม่ของช้อปปี้ อยู่ในตลาด NASDAQ สหรัฐอเมริกา ทำให้การระดมทุน หรือหาแหล่งเงินทุนตอนนี้ทำได้ลำบาก ทำให้ช้อปปี้ จำเป็นต้องลดคน ปิดกิจการในบางประเทศลงไป ต่างจาก ลาซาด้า ที่ตอนนี้ตลาดจีนกำลังกลับมา โดยรัฐบาลมีการผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น และธุรกิจของอาลีบาบา บริษัทแม่ของลาซาด้ามีกำไร
“ช้อปปี้ลดคนมากกว่าครึ่งในธุรกิจ ช้อปปี้ ฟู้ด และช้อปปี้ เพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจออฟไลน์ ที่ตัวเองไม่มีความถนัด โดยช้อปปี้ ฟู้ดนั้นช้อปปี้เพิ่งเริ่มธุรกิจในปีที่ผ่านมา แม้จะมีช้อปปี้ พ้อยท์มาแลกซื้ออาหารได้ แต่ไม่สามารถแข่งกับ แกร็บ ไลน์แมน หรือ ฟู้ดแพนด้า ที่อยู่ในตลาดมานาน และมีเงินทุนมหาศาล ส่วนช้อปปี้ เพย์ แม้จะมีกำไรกว่า 100 ล้านบาท แต่ก็เกี่ยวข้องกับร้านอาหาร ร้านค้า ซึ่งเป็นออฟไลน์ ที่ตัวเองไม่ถนัด และใช้คนจำนวนมาก”
อย่างไรก็ตาม ภาวุธ วิเคราะห์ด้วยว่า "จริงๆ แล้ว อีคอมเมิร์ซไม่ได้หดตัว แต่กลับกันยังโตอย่างต่อเนื่อง แต่เพราะเศรษฐกิจทั่วโลกหดตัว ก็อาจกระทบกับการลงทุน ดังนั้นช้อปปี้ จึงพยายามรักษาธุรกิจหลักเอาไว้ อย่างตัว ช้อปปี้ ฟู้ด ก็เพิ่งมีการเปิดตัวไปไม่นาน ต้องแข่งกับคู่แข่งอีกเยอะในตลาด ซึ่งมันต้องใช้เงินมาก ดังนั้นการลดคนของช้อปปี้ ครั้งนี้ ผมมองว่า คือ การกลับเข้ามาโฟกัสธุรกิจหลัก"
ทั้งนี้ การประกาศลดพนักงานของช้อปปี้ ถือเป็นการกลับมุ่งให้ความสำคัญกับธุรกิจออนไลน์ ที่ตัวเองมีความถนัด มุ่งให้ความสำคัญกับอีมาร์เก็ตเพลส ที่ตัวเองเป็นอันดับ 1 ในตลาด ซึ่งมองว่าเกมการแข่งขันในธุรกิจอีคอมเมิร์ซไม่มีการเปลี่ยนแปลง ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยยังเติบโตต่อเนื่อง ช้อปปี้ เป็นอันดับ 1 ในตลาด ยังคงยอมขาดทุน ใส่เงินอุดหนุนเพื่อขยายฐานตลาดต่อเนื่อง แม้ว่าขณะนี้จะสามารถทำกำไรได้ก็ตาม โดยจะเห็นรายได้ปีที่แล้วมีรายได้เติบโตแตะ 13,322 ล้านบาท ขาดทุน 4,972 ล้านบาท
“Creden Data” ได้เจาะข้อมูลผลประกอบการของกลุ่มบริษัท SEA ประเทศไทย (บางส่วน) มีรายได้สูงถึง 43,282 ล้านบาท ขาดทุน 5,908 ล้านบาท โดยรายได้ สูงสุดในกลุ่ม คือ บริษัท ช้อปปี้ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด รายได้สูงถึง 15,010 ล้านบาท ขาดทุน 289 ล้านบาท ขณะที่กำไรมากที่สุดในกลุ่ม คือ บริษัท ช้อปปี้เพย์ (ประเทศไทย) จำกัด รายได้ 3,720 ล้านบาท กำไร 153 ล้านบาท ส่วนที่ขาดทุนมากสุดในกลุ่ม คือ บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด รายได้ 13,322 ล้านบาท ขาดทุน 4,972 ล้านบาท
"ตามความเห็นผม เกมนี้ ต้องดูยาวๆ การลงทุน อีคอมเมิร์ซ ต้องดู ยาวๆ อาจจะต้องขาดทุนเป็น 10 ปี แต่เมื่อเขากลับมาทำกำไรได้ มันจะโตอย่างมากเลยทีเดียว ผมเชื่อว่า แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ตอนนี้ก็ยังคงเดินหน้าลงทุน ทุ่มเม็ดเงินกันต่อไปอย่างต่อเนื่อง"







