"สมิติเวช"องค์กรแห่งคุณค่า สร้างความยั่งยืนให้ทุกชีวิตที่ดีกว่า

"สมิติเวช"องค์กรแห่งคุณค่า สร้างความยั่งยืนให้ทุกชีวิตที่ดีกว่า

"โรงพยาบาลสมิติเวช" ประกาศความสำเร็จองค์กรแห่งคุณค่า ยึดคอนเซ็ปต์ #เราไม่อยากให้ใครป่วย พร้อมเดินหน้าต่อยอดจาก Agile และ Value กลายเป็น Beyond Agile และ Beyond Value

“สุขภาพดี” หรือ “ความไม่เป็นโรค” เป็นเรื่องที่ทุกคนอยากให้เกิดขึ้นกับตนเอง ยิ่งเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี พฤติกรรมของผู้บริโภค ยิ่งทำให้ทุกคนต้องหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพของตนเองเพื่อปรับตัวให้เท่าทันกับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้น

“โรงพยาบาลสมิติเวช” เตรียมพร้อมบุคลากร เพื่อให้เท่าทันกับพฤติกรรมผู้บริโภคและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ มีการเปลี่ยนระบบงาน ระบบเงิน วิธีคิด ก้าวข้ามพฤติกรรมของผู้บริโภค หรือที่เรียกว่า Agile ปรับตัวให้เร็ว พร้อมกับสร้างคุณค่า หรือ Value ที่จะช่วยชีวิตคน ช่วยให้ทุกคนดูแลตนเอง ป้องกันโรค ไม่ต้องมาโรงพยาบาล

\"สมิติเวช\"องค์กรแห่งคุณค่า สร้างความยั่งยืนให้ทุกชีวิตที่ดีกว่า

“นพ. ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม รพ.สมิติเวช และ รพ.บีเอ็นเอช เล่าว่า Agile และ Value คือหัวใจขององค์กรสมิติเวช ซึ่งปรับตัวล่วงหน้ามากกว่า 6 ปี ก่อนเกิดภาวะดิสรัปชั่น “เพราะช่วงที่แข็งแรงที่สุด คือ ช่วงที่เหมาะกับการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด” โดย 3 ปีแรกมีการทำ Corporate Transformation ดิสรัปตัวเองก่อน เป็นการตอกเสาเข็มให้แข็งแรง จัดระเบียบใหม่หมด “เพราะเราไม่สามารถทำ Innovation หรือ Digital Transformation ภายใต้กองขยะได้”

“การทำ Digital Transformation เป็นเรื่องราวของการปรับเปลี่ยนความเป็น Leadership, People, Strategy ในช่วง 3 ปีแรกรพ.สมิติเวช ได้มีการทำ Organization Transformation, People Transformation, Leadership Transformation, Strategy Transformation และสร้างวัฒนธรรมแห่งการเปลี่ยนแปลง ควบคู่ไปกับการทำ Digital Transformation”นพ.ชัยรัตน์ กล่าว

 

  • สร้างคน-เทคโนโลยีตอบโจทย์ผู้บริโภค 

จากนั้น 3 ปีหลัง ได้มีการทำ Digital Transformation อย่างเต็มรูปแบบ โดยแบ่งบุคลากรออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่พร้อมเปลี่ยนแปลง ทำในสิ่งที่เปลี่ยนแปลง เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค คนกลุ่มนี้ต้อง ReSkill เพื่อเปิดรับทักษะใหม่ๆ หรือ เปลี่ยนทักษะไปจากงานประจำที่ทำแต่เดิม ให้สอดคล้องกับการพัฒนาโครงการ Innovation / Transformation ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่พฤติกรรมเปลี่ยนไป 

“รพ.สมิติเวช” เริ่มต้นนวัตกรรมจากการสำรวจปัญหาของคนไข้ โดยใช้กรอบ โวย want และ ว้าว (WWW) เป็นแนวทางการพัฒนาโครงการ อาทิ Samitivej Plus แอปพลิเคชั่นที่ช่วยทำนัด รู้คิวตรวจเรียลไทม์ เช็คประวัติการรักษา ประวัติยา รวมถึงจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชั่น ช่วยลดปัญหาการรอคอยลง 60% เพิ่มประสิทธิภาพระบบการจ่ายค่ารักษาได้ 7.5 เท่า หรือ Samitivej Pace และ Prompt แอปพลิเคชั่นตอบโจทย์ผู้มานอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล และผู้ที่เข้ารับการผ่าตัด ช่วยให้ผู้ป่วยและญาติทราบสถานะ แผนการรักษา ข้อมูลทีมแพทย์พยาบาล รวมถึงแนวทางการปฏิบัติตัว ส่งผลให้ผู้รับบริการมีความพึงพอใจถึง 97.5% ในปี 2021 เป็นต้น

\"สมิติเวช\"องค์กรแห่งคุณค่า สร้างความยั่งยืนให้ทุกชีวิตที่ดีกว่า

ส่วนกลุ่มที่ยังไม่พร้อมเปลี่ยนแปลง ก็ทำสิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ยังไม่พร้อมเปลี่ยน แต่ต้อง Upskill เช่น จากการสร้างความพึงพอใจไปสู่การสร้างคุณค่าสู่ผู้รับบริการ การส่งมอบคุณภาพการบริการและการรักษาที่ดีที่สุดให้แก่ผู้รับบริการ มีการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (Upskill) ซึ่งทำให้คะแนนความพึงพอใจของผู้รับบริการที่มีต่อแพทย์ พยาบาลและชื่นชอบในการบริการของเราสูงถึง 99% รวมถึงผู้รับบริการจะบอกต่อและกลับมาใช้บริการถึง 99% เช่นกัน

\"สมิติเวช\"องค์กรแห่งคุณค่า สร้างความยั่งยืนให้ทุกชีวิตที่ดีกว่า

 

  • “สมิติเวช”องค์กรแห่งคุณค่า

“สิ่งสำคัญคือต้องรู้เท่าทันความต้องการของผู้รับบริการทั้งปัจจุบันและอนาคต ควบคู่กับการสร้างคุณค่า (Value) ให้กับผู้รับบริการ เราสร้างคุณค่าโดยยึดคอนเซ็ปต์ #เราไม่อยากให้ใครป่วย คือ การทำ Risk Care, Early Care ได้แก่ Early Detection, Early Screening, Early Prevention, Early Prediction จนถึง Self-care ใช้นวัตกรรมให้ผู้รับบริการ รู้เท่าทัน-สกัดกั้น-วางแผนสุขภาพ ลดการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการรักษา” นพ.ชัยรัตน์ กล่าว

นพ.ชัยรัตน์ เล่าต่อไปว่า การสร้างโรงพยาบาล คือ การทำให้คนไม่ป่วย ให้คนมีสุขภาพดี ช่วยให้เขาดูแลตนเองได้ โดยลดการพึ่งพาแพทย์ หากป่วยแล้วมีความจำเป็นจึงให้นึกถึงโรงพยาบาล ฉะนั้น ปณิธานของสมิติเวช คือ ไม่อยากให้ใครป่วย อย่าง การป้องกันคนที่เป็นมะเร็งลำไส้ได้ถึง 5,634 คน ด้วยเทคโนโลยี AI ประหยัดเงินให้กับผู้รับบริการได้กว่า 800 ล้านบาท รู้ทันความเสี่ยงออทิสติกสำเร็จ 1,000 คน ด้วยนวัตกรรมการตรวจคัดกรอง M-CHAT ทำให้ไม่เกิดออทิสติก ช่วยชีวิตผู้คนที่เป็นโรคหัวใจโดยไม่มีอาการมากกว่า 200 ราย ฯลฯ

\"สมิติเวช\"องค์กรแห่งคุณค่า สร้างความยั่งยืนให้ทุกชีวิตที่ดีกว่า

  • 4 ยุทธศาสตร์ทางรอดโรงพยาบาล

นพ.ชัยรัตน์ เล่าอีกว่าการที่จะทำให้โรงพยาบาลอยู่รอดได้ในยุค ดิสรัปชั่นนั้น ต้องทำตัวให้เหมือนพ่อครัวที่เตรียมอุปกรณ์ทุกชนิดพร้อมรับทุกสถานการณ์ และต้องใช้วิชาหมอดู คือ การคาดเดาสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น โดยใช้ AI เพื่อเตรียมกลยุทธ์ดักรอปัญหาไว้ก่อนล่วงหน้า ซึ่งยุทธศาสตร์ที่ใช้ ได้แก่ 

  • ยุทธศาสตร์หลัก คือ Agile Organiza-tion of Value ที่ได้วางรากฐานสำเร็จแล้ว 
  • ยุทธศาสตร์ล้อม คือ การคิด วางแผนไว้หลายๆ ทาง หลายๆ ชั้น เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ 
  • ยุทธศาสตร์ไหล คือ การที่เรารู้พฤติกรรมปัจจุบันลูกค้า คู่แข่ง Generation อุตสาหกรรม เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างไรเพื่อหาวิธีการไปตอบโจทย์ 
  • ยุทธศาสตร์ล้ำ คือ การทำนายอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร ต้องมีข้อมูลสิ่งที่เปลี่ยนแปลงภายนอก เพื่อเตรียมความพร้อมบนบริบทของสมิติเวชและความเชี่ยวชาญที่เรามี

\"สมิติเวช\"องค์กรแห่งคุณค่า สร้างความยั่งยืนให้ทุกชีวิตที่ดีกว่า

  • ก้าวต่อไปของ “สมิติเวช”

เราได้ทำวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้สำเร็จแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Hospital of Choice องค์กรที่ครองใจผู้คนทุก Stakeholders ซึ่งทำสำเร็จเมื่อ 3 ปีที่แล้ว และวิสัยทัศน์ใหม่ คือ องค์กรแห่งคุณค่า Agile Organization of Value ก็ได้ทำสำเร็จไปแล้วเช่นกัน จากนี้ไป “ไม่ต้องมี Vision เหลือแต่ Direction” 

\"สมิติเวช\"องค์กรแห่งคุณค่า สร้างความยั่งยืนให้ทุกชีวิตที่ดีกว่า
 

โดยต่อยอดจาก Agile และ Value กลายเป็น Beyond Agile และ Beyond Value โดยใช้ Purpose และ Passion มาเป็นตัวขับเคลื่อนภายใต้การปรับเปลี่ยนและสร้างคุณค่าด้วยตัวของมันเอง เพื่อสร้างความยั่งยืนให้ทุกชีวิตดีกว่าเก่า ทั้งเจ้าหน้าที่ แพทย์ ผู้รับบริการ องค์กร ผู้ถือหุ้น และชุมชน เพื่อนำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน เป็นโรงพยาบาลที่จะปกป้องทุกคนจากความเจ็บป่วย และกระตุ้นกระแสการดูแลสุขภาพของสังคมไทยไปในเชิงรู้เท่าทันก่อนเกิดโรค ก็จะทำให้ Healthcare Cost โดยรวมของประเทศลดลง เมื่อผู้คนสุขภาพดีขึ้นก็นำไปสู่ GDP ของประเทศไทยที่สูงขึ้น