สถานประกอบการแห่ร่วมโครงการส่งเสริมการจ้างงาน SMEs วันแรกกว่า 5,000 ราย

สถานประกอบการแห่ร่วมโครงการส่งเสริมการจ้างงาน SMEs วันแรกกว่า 5,000 ราย

รมว.แรงงาน ปลื้มสถานประกอบการแห่ร่วมโครงการส่งเสริมการจ้างงาน SMEs วันแรกกว่า 5,000 ราย พร้อมหนุนค่าจ้าง 3 เดือนช่วยสถานประกอบการเกิดสภาพคล่อง

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า วันที่ 20 ตุลาคม 2564 เป็นวันแรกที่เปิดให้นายจ้าง สถานประกอบการลงทะเบียนร่วมโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs ผ่านทางระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์ ส่งเสริมการจ้างงานเอสเอ็มอี.doe.go.th โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนจนถึง 20 พฤศจิกายน 2564 ภาพรวมวันแรกมีผลตอบรับที่ดีมาก ข้อมูล ณ วันที่ 20 ตุลาคม เวลา 17.00 น. พบว่ามีสถานประกอบการได้รับการอนุมัติเข้าร่วมโครงการแล้ว 5,091 ราย จำนวนลูกจ้างคนไทยที่ได้รับสิทธิ์ 123,847 คน

ส่วนใหญ่เป็นกิจการในพื้นที่กรุงเทพมหานครถึง 2,231 ราย จำนวนลูกจ้างคนไทยที่ได้รับสิทธิ์ 53,548 คน ปริมณฑล 1,101 ราย จำนวนลูกจ้างคนไทยที่ได้รับสิทธิ์ 29,218 คน ภาคกลาง 687 ราย จำนวนลูกจ้างคนไทยที่ได้รับสิทธิ์ 18,247 คน ภาคใต้ 454 ราย จำนวนลูกจ้างคนไทยที่ได้รับสิทธิ์ 8,799 คน ภาคเหนือ 365 ราย จำนวนลูกจ้างคนไทยที่ได้รับสิทธิ์ 6,975 คน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 253 ราย จำนวนลูกจ้างคนไทยที่ได้รับสิทธิ์ 7,060 คน

 

  • หนุนค่าจ้างระยะเวลา 3 เดือน 

รมว.แรงงาน กล่าวต่อว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาทำให้สถานประกอบการจำนวนหนึ่งประสบปัญหาจนต้องหยุดกิจการชั่วคราว บางแห่งมีการลดการจ้างงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และมีจำนวนมากที่พยายามพยุงกิจการไปพร้อมกับรักษาระดับการจ้างงานไว้อย่างสุดกำลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน เห็นถึงความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องมีนโยบายรักษาระดับการจ้างงานและส่งเสริมการจ้างงานใหม่

โดยอุดหนุนค่าจ้าง 3,000 บาทต่อลูกจ้างสัญชาติไทย 1 คนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ในเดือนพฤศจิกายน 2564 -มกราคม 2565 เพื่อให้สถานประกอบการขนาดเล็ก-กลางเกิดสภาพคล่อง  สามารถฟื้นฟูกิจการสร้างความแข็งแรงในธุรกิจพร้อมรับการเปิดประเทศที่จะมีขึ้นเร็วๆนี้  ทั้งยังเป็นการตอบแทนธุรกิจในกลุ่ม SMEs ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของการจ้างงานในประเทศไทย

 

  • สนใจสอบถามข้อมูลสำนักจัดหางานจังหวัด

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า สำหรับสถานประกอบการที่ต้องการเข้าร่วมโครงการฯ จะต้องเป็นนายจ้างภาคเอกชนที่อยู่ในระบบประกันสังคม (ฐานข้อมูลประกันสังคม ม.33 สถานะ Active) ที่มีลูกจ้างรวมทุกสาขาไม่เกิน 200 คน ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2564 โดยที่นายจ้างจะต้องรักษาระดับการจ้างงานไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 ในระหว่างเข้าร่วมโครงการฯ หากไม่สามารถรักษาระดับการจ้างงานให้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนในเดือนนั้น

กรณีนายจ้างมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นจากยอดการจ้างงาน ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 จะได้รับเงินอุดหนุนเพิ่มตามจำนวนการจ้างงานจริงไม่เกินร้อยละ 5 ทั้งนี้นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้างไม่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของแต่ละจังหวัดตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้างฯ โดยหลักเกณฑ์สำคัญอีกประการที่นายจ้างสถานประกอบการจะได้รับการอนุมัติร่วมโครงการ คือนายจ้างจะต้องส่งเงินสมทบประกันสังคมผ่านช่องทาง e-service (e-payment) ของสำนักงานประกันสังคม ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป จึงจะได้รับเงินอุดหนุนจากโครงการฯ

ทั้งนี้ ผู้สนใจที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694