ลด "ขยะพลาสติก" 18 ตันต่อปี พัฒนาสู่ น้ำมันเชื้อเพลิง

ลด "ขยะพลาสติก" 18 ตันต่อปี   พัฒนาสู่ น้ำมันเชื้อเพลิง

หลายคนมองว่า "ขยะพลาสติก" คือ ภัยร้ายที่ทำลายสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน เราสามารถบริหารจัดการพลาสติกให้ลดการเป็นขยะตกค้างในธรรมชาติได้ อาทิ การ "รีไซเคิล" ขยะพลาสติก เป็น น้ำมันเชื้อเพลิงที่สามารถนำกลับมาใช้ในอุตสาหกรรม

"ขยะพลาสติก" ถือเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย และในระดับโลก หากยังไม่มีระบบหรือวิธีการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ในอีก 20 ปี ข้างหน้า จากการคาดการณ์ของ องค์การสหประชาชาติ (UN) ทั่วโลกอาจมีขยะหลุดรอดกระจายออกสู่ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากถึง 700 ล้านตัน

 

ล่าสุด  บริษัท ไอ.พี.วัน จำกัด ปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจหนุนแนวคิด “เศรษฐกิจหมุนเวียน” ( Circular Economy ) เดินหน้าแผนงาน “ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้น คิดเพื่อโลก”ลดและจัดการขยะ จากการผลิต โดยการแปรรูปและนำกลับมาใช้อีกในอนาคต โดยจับมือ คอร์สแอร์ กรุ๊ป บริษัทผู้พัฒนาโซลูชั่นธุรกิจ ด้านสิ่งแวดล้อม นำ “ขยะพลาสติก” ที่มาจากกระบวนการการผลิตกลับมาใช้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี รีไซเคิล ขยะพลาสติก สู่การเป็น “น้ำมันเชื้อเพลิง” ที่สามารถนำกลับมาใช้ในอุตสาหกรรมได้

 

ภัชรี ธรรมวีระพงษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบริหารอุตสาหกรรม บริษัท ไอ.พี.วัน จำกัด กล่าวว่า บริษัท ไอ.พี.วัน ให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมมาตั้งแต่ปี 2531 โดยเริ่มต้นใช้วัตถุดิบ ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ หรือ ไบโอดีเกรดเดเบิล (Biodegradable) 

"ความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นการยกระดับเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยมุ่งสู่การเป็นองค์กร ที่ไม่ทิ้งขยะกลับสู่พื้นดิน (No Landfill) โดยร่วมกับ คอร์สแอร์ กรุ๊ป บริษัทผู้พัฒนาโซลูชั่นธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนขยะพลาสติกและขยะเหลือทิ้งจากการผลิต มาเป็นน้ำมันชีวภาพขั้นสูง (Advanced Bio-oil) ซึ่งสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงทางเลือกได้ต่อไป โดย ในปี . 2564 เราตั้งเป้าหมายไว้ที่ 18 ตันต่อปี หรือเฉลี่ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 1.5 ตัน และเราจะไม่หยุดตัวเลขอยู่เพียงเท่านี้ อย่างแน่นอน

 

ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจมุ่งช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในระยะยาว การร่วมมือกับ คอร์สแอร์ กรุ๊ป ที่ต้องการ นำขยะพลาสติกจากสายการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคทุกแบรนด์ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการนำมาผลิตเป็น น้ำมันเชื้อเพลิง ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมต่อไปได้ ทำให้ขยะไม่ออกไปสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก

 

 

เป็นการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อคนไทยและเพื่อสังคม โดยใส่ใจคิดเพื่อโลกในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต การจัดจำหน่าย และการบริโภค อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการสร้างสมดุลให้กับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อากาศที่ดีขึ้น และมลภาวะที่ดีขึ้น ให้กับสังคมไทยต่อไป

 

ความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่ภาคเอกชนให้ความสำคัญกับการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาผสมผสานการใส่ใจสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ของสหประชาชาติ ซึ่งบริษัท ไอ.พี.วัน จะไม่หยุด “คิดเพื่อโลก” และดำเนินธุรกิจ บนพื้นฐานความยั่งยืน พัฒนาสินค้าอุปโภคบริโภคด้วยนวัตกรรมและความใส่ใจเพื่อคนไทย และประเทศไทยต่อไป