ตร.รวบมือมีดจี้ชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ

วันนี้ (22 พ.ย.2557) เจ้าหน้าที่ตำรวจภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.รัตนะ ปาลจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.อนุพันธ์ จันทร์พฤกษ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ชนะ สุวรรณโกมล ผกก.สส.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.ท.ปรีชา ทิมหอม รอง ผกก.สส.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.ท.ยงลิต ศุภผล สว.กก.สส.ภ.จว.นครปฐม ร.ต.อ.ดิษยเดช ยิ้มแย้ม ร.ต.ต.การุณ ภูริกุลทอง ร.ต.ต.ประสงค์ สุขพูล ร.ต.ต.เครือ เฮงรวมญาติ พร้อมพนักงานสอบสวนเวรสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม ร่วมกันนำตัวนายปฐมพงษ์ หรือต่อ แจ้งหงษ์วงษ์ อายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 28 หมู่ที่ 4 ต.บางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ไปชี้ทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ ร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น สาขาสระกระเทียม อ.เมือง จ.นครปฐม หลังจากชุดจับกุมสืบสวนสอบสวนจับกุมและสามารถตรวจยึดพยานหลักฐานได้ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2557 เวลาประมาณ 16.00 น. ที่บ้านเลขที่ 14/1 หมู่ที่ 4 ต.สระกะเทียม อ.เมือง จ.นครปฐม ขณะนายปฐมพงษ์ หรือต่อ พักอาศัยอยู่กับบิดา ที่ประกอบอาชีพปลูกมะลิเก็บดอกขาย

พ.ต.อ.ชนะ สุวรรณโกมล ผกก.สส.ภ.จว.นครปฐม กล่าวว่า ด้วยเมื่อเวลาประมาณ 04.05 น.ของวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายเป็นชายจำนวน 1 คนสูงประมาณ 180 ซม.ไม่ทราบเป็นผู้ใดใช้ผ้าลักษณะคล้ายหมวกสวมปิดบังใบหน้า สวมทับด้วยหมวกกันน็อคแบบเต็มใบสีดำคาดแดงอีกชั้น สวมเสื้อเจ็กเก็ตแขนยาวสีขาว สวมถุงมือสีดำ กางเกงขายาวสีดำทรงสแล็ก รองเท้าผ้าใบสีดำขอบพื้นสีขาว ใช้มีดสแตนเลส ยาวประมาณ 1 ฟุตครึ่งเป็น อาวุธบุกเข้าก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาสระกะเทียม อ.เมือง จ.นครปฐมซึ่งขณะนั้นมีพนักงาน(ขอสงวนนาม) ได้ทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 4,710 บาทหลบหนีไปโดยไม่ทราบจำนวนคนร้ายว่ามีด้วยกันกี่คน และไม่ทราบยานพาหนะ และทิศทางที่คนร้ายหลบหนี

หลังเกิดเหตุจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ร้านที่เกิดเหตุของชุดสืบสวน ภ.จว.นครปฐม พบในภาพคนร้ายเป็นชายจำนวน 1 คนลักษณะการแต่งกายตามกล่าวข้างต้น จากการสำรวจกล้องวงจรปิดในร้านและในพื้นที่ตาม เส้นทางที่คาดว่าคนร้ายใช้หลบหนี พบว่าคนร้ายใช้เวลาในการก่อเหตุครั้งนี้เพียง 4 นาที พฤติการณ์ที่น่าสังเกตคือคนร้ายรู้การปิดเปิดตู้นิรภัยช่องเก็บเงินของร้านเป็นอย่างคล่องตัวคล้ายคนคุ้นเคยกับตู้นิรภัยช่องเก็บเงิน อีกทั้งขณะก่อเหตุคนร้ายได้เรียกเอากุญแจไขจากพนักงาน แต่พนักงานที่ถูกจี้บังคับขณะนั้นปฏิเสธอ้างว่า กุญแจเก็บไว้กับผู้จัดการคนเดียว คนร้ายจึงให้พนักงานเซเว่นฯหยิบไม้เสียบไส้กรอกมาใช้แหย่ ช่องเก็บเงินให้เงินตู้นิรภัยให้ไหลออกมา ซึ่งเป็นวิธีที่พนักงานแคชเชียร์ของร้านทุกคนจะทราบเมื่อเครื่องเกิดขัดข้อง แสดงให้เห็นว่าคนร้ายรู้วิธีการนำเงินออกจากตู้นิรภัยเป็นอย่างดี จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสงสัยว่าคนร้ายน่าจะบุคคลที่เคยเป็นพนักงานเซเว่นอีเลฟเว่นมาก่อนหรืออาจเป็นพนักงานเซเว่นอีเลฟ สาขาใดสาขาหนึ่งในพื้นที่ใกล้เคียง

จึงได้ออกสืบสวนสำรวจ พนักงานเซเว่นอีเลฟเว่นทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ จนพบว่า นายปฐมพงษ์ หรือต่อ แจ้งหงษ์วงษ์ อายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 28 หมู่ที่ 4 ต.บางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งพักอาศัยอยู่กับบิดาที่ประกอบอาชีพปลูกมะลิเก็บดอกขายที่บ้านเลขที่ 14/1 หมู่ที่ 4 ต.สระกะเทียม อ.เมือง จ.นครปฐม ซึ่งนายปฐมพงษ์ หรือต่อเคยเป็นพนักงานเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาหนองดินแดง และใช้รถจักรยานยนต์ ยี่ฮ้อ ฮอนด้า สกู๊ปปี้ สีชมพู-ดำ หมายเลขทะเบียน ขนท 254 นครปฐม มีลักษณะรูปร่างคล้ายคนร้ายในกล้องวงจรปิด แต่ได้ลาออกไปแล้ว

ต่อมาก่อนการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.นครปฐม ได้ไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 14/1 หมู่ 4 ต.สระกะเทียม อ.เมือง จ.นครปฐม พบนายปฐมพงษ์ หรือต่อ แจ้งหงษ์วงษ์ อยู่ที่บ้าน จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดมาให้ดูพร้อมสอบถามเบื้องต้น นายปฐมพงษ์ หรือต่อ ได้ยอมรับว่าเคยทำงานเป็นพนักงานเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาหนองดินแดง จริง แต่ปัจจุบันได้ลาออกมาช่วยบิดาทำสวนมะลิ และเมื่อนายปฐมพงศ์ฯดูภาพก็แสดงอาการพิรุธหลายอย่าง ในที่สุดก็ยอมรับสารภาพพร้อมนำเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบห้องพักซึ่งพบรองเท้าผ้าใบสีดำขอบพื้นสีขาว วางอยู่ที่ชั้นวางหน้าบ้าน ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับของคนร้ายที่ใช้ในการก่อเหตุ พร้อมทั้งนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจยึดหมวกกันน็อคยี่ห้อ AVEX สีดำคาดแดง ที่สวมใส่ปิดบังใบหน้า และอาวุธมีดที่ใช้ในวันก่อเหตุ เมื่อนำมาเปรียบเทียบพบว่า ตรงกับภาพในกล้องวงจรปิด

นายปฐมพงษ์ หรือต่อ ผู้ต้องหา บอกถึงขั้นตอนของการลงมือวันดังกล่าวกับชุดจับกุมว่า ก่อนลงมือได้เตรียมการไว้ก่อน และเมื่อวันที่ 10 พ.ย.57 เวลาประมาณ 02.00 น.เศษ ได้ใช้รถจักรยานยนต์ ยี่ฮ้อ ฮอนด้า สกู๊ปปี้ สีชมพู-ดำ หมายเลขทะเบียน ขนท 254 นครปฐม ขับออกมาชิงทรัพย์เซเว่นอีเลฟเว่น สาขาสระกะเทียม ขณะออกมาจากบ้านได้แต่งกายด้วยกางเกงขาสั้นสีดำ โดยเตรียมเสื้อผ้าไปสวมเปลี่ยนเป็นตามภาพกล้องวงจรปิด โดยมีดแสตนเลสที่ใช้เป็นอาวุธ ได้ซ่อนไว้ในแขนเสื้อข้างขวา โดยได้เงินสดไปประมาณ 4,600 บาท จากนั้นได้วิ่งหลบหนีออกมาขับรถ จยยฬที่จอดหลบการมองมองเห็นของกล้อง ไปเปลี่ยนชุด ซ่อนมีด หลังจากนั้นได้นำเสื้อผ้าที่ใส่และหมวกกันน็อคไปเก็บซ่อน แล้วมาปฏิบัติตัวใช้ชีวิตเป็นปกติช่วยบิดาที่สวนมะลิ ส่วนเงินที่ได้ไปนำไปใช้จ่าย