"อ้วน ลงพุง" ภัยเงียบคุกคามชีวิต

จะเกิดอะไรขึ้นกับองค์กรหรือธุรกิจ ถ้าหากพนักงานปฎิบัติงานไม่เต็มศักยภาพ 3 วันดี 4 วันไข้ เพราะอาการเจ็บป่วยจากภาวะ อ้วน ลงพุง
จะเกิดอะไรขึ้นกับองค์กรหรือธุรกิจ ถ้าหากพนักงานปฎิบัติงานไม่เต็มศักยภาพ 3 วันดี 4 วันไข้ เพราะอาการเจ็บป่วยอันมาจากภาวะ “อ้วน ลงพุง” ภัยร้ายที่แฝงมากับรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันที่คาดไม่ถึง
นายแพทย์ปัญญา ไข่มุก คณะกรรมการบริหารแผนสำนักรณรงค์สื่อสารสังคม กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยว่า รูปแบบการใช้ชีวิตของพนักงานออฟฟิศหลายคน เข้าข่าย “ภาวะแน่นิ่ง” เพราะขาดการขยับตัว ขยับแค่ปลายนิ้วคลิกเมาส์ นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ไม่เกิดกิจกรรมทางกายทำให้กล้ามเนื้อหลายส่วนไม่ถูกใช้งาน บวกกับสุขภาวะด้านการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วย ไขมัน น้ำตาล และเกลือ ที่เกินความจำเป็นต่อร่างกาย ในขณะที่หลายคนยังใช้วิธีการกินเพื่อบำบัดความเครียด ประกอบกับยังขาดการ ออกกำลังกาย สาเหตุเหล่านี้จะนำไปสู่อาการไขมันพอกพูนสะสมกลายเป็น “ภาวะอ้วน ลงพุง” ไขมันที่สะสมในช่องท้องเป็นภัยคุกคามชีวิต เพราะจะละลายปะปนไปกับกระแสเลือด ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนหลายประเภท เช่น เบาหวาน ความดันโลหิต นอนกรน อาการหยุดหายใจขณะนอนหลับ หัวใจขาดเลือด เป็นต้น
ปัญหาเหล่านี้นอกจากจะกระทบต่อตัวผู้เกิดโรคโดยตรงจากการสูญเสียค่าใช้จ่ายในการรักษา และผลต่อครอบครัวแล้ว ประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลงหรือผลงานที่ปรากฎออกมาไม่ดี ย่อมกระทบต่อองค์กรหรือภาคธุรกิจผู้ว่าจ้างด้วย ขณะเดียวกันองค์กรยังมีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของพนักงานเพิ่มขึ้นด้วย
รศ.นพ.ปัญญา กล่าวว่า การสำรวจร่างกายเข้าข่ายภาวะอ้วนลงพุงหรือไม่ ทำได้ง่ายๆ โดยวัดเส้นรอบพุงผ่านสะดือ ถ้าเกินส่วนสูงหารสองเท่ากับว่าคุณตกอยู่ในภาวะอ้วนลงพุงแล้ว ดังนั้นต้องรีบจัดการกับปัญหานี้อย่างเร่งด่วน โดยเริ่มต้นจากตัวเองก่อน ด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตมาเป็น “ Active lifestyle” เช่นการเดินเท้าในระยะทางใกล้ๆ แทนการโดยสารรถจักรยานยนต์ รถยนต์หรือรถประจำทาง หรือการเดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์ การแกว่งแขนทำมุม 60 องศาขนานกับลำตัว ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่ไม่หนักเกินไป แต่สามารถช่วยเผาผลาญไขมันส่วนที่เพิ่มใหม่ ไม่ให้อ้วนเพิ่มขึ้น หรือ หยุดอ้วน เมื่อปฎิบัติซ้ำบ่อยครั้งจนเกิดความรู้สึกดี จากการ active ธรรมดาก็จะเริ่มออกกำลังกายเต็มรูปแบบ เช่น วิ่ง เดินเร็ว ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิก ขี่จักรยาน เป็นต้น
“การมีสุขภาวะที่ดีเริ่มต้นด้วย 1.องค์ความรู้เกี่ยวกับโรคที่มาจากความอ้วน 2.การยอมรับตัวเอง เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 3. การควบคุมอาหาร เพราะเป็นตัวการเพิ่มลดไขมัน 4.การเริ่มต้นออกกำลังกายเบาๆ เพราะหากหักโหมหนักก็จะเกิดความท้อแท้และเลิกออกกำลังในที่สุด ดังนั้นการเริ่มต้นออกกำลังกายด้วยการเดิน หรือมีกิจกรรมทางกาย อย่างน้อยจะทำให้ไขมันใหม่ไม่เพิ่มขึ้น และหากมีการออกกำลังกายเพิ่มด้วย ก็จะลดไขมันของเก่าได้ด้วย ”
ขณะที่องค์กรหรือธุรกิจ สามารถส่งเสริมสุขภาพของพนักงานได้ง่ายๆ ใน 2 ด้านคือ 1. การให้องค์ความรู้ด้านสุขภาวะ เช่นการกินอยู่อย่างถูกต้อง ลดอาหาร หวาน มัน เค็ม 2. การส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกาย หรือการออกกำลังกาย เช่นการจัดสถานที่ที่เอื้อต่อการทำกิจกรรมกาย หรือหากไม่มีพื้นที่ สามารถสนับสนุนให้เกิดกิจกรรมทางกาย เช่นการแกว่งแขน ที่สำคัญนโยบายต้องเริ่มจากผู้บริหารระดับบนขององค์กรเพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อน
การเป็นองค์กรสุขภาวะอย่างยั่งยืน ทั้งนี้องค์กรหรือภาคธุรกิจในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่สนใจเข้าร่วมโครงการ “องค์กรไร้พุง” หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อเสริมสร้างสุขภาวะที่ดี ด้วย 3 อ. คือ อารมณ์ อาหาร และ ออกกำลังกาย ผ่านวิทยากรผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำด้านการบริโภค การออกกำลังกาย และการตรวจวัดสมรรถภาพร่างกาย
สอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 094-483-9969 หรือ [email protected],www.facebook.com/Thai.HealthyLifestyle







