“กองทุนหมู่บ้าน” ปลุกเศรษฐกิจฐานราก ขยายโอกาส-สร้างงาน-สร้างอาชีพ

“กองทุนหมู่บ้าน” ปลุกเศรษฐกิจฐานราก ขยายโอกาส-สร้างงาน-สร้างอาชีพ

ภารกิจสำคัญของ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (สทบ.) ที่รับนโยบายจากรัฐบาลไปขับเคลื่อนต่อเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากให้กับประเทศ ด้วยโมเดลในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมลํ้า ผ่านกลไกกองทุนหมู่บ้านฯที่มีเครือข่ายทั่วประเทศกว่า 13 ล้านคน จากกองทุนทั้งหมด 79,598 กองทุน

ในปีงบประมาณ 2559-2560 รัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณให้กับโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ จัดสรรให้กองทุนละไม่เกิน 5 แสนบาท และ ไม่เกิน 2 แสนบาท ตามลำดับ จากนั้นปี 2561 เปลี่ยนชื่อเป็น โครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนอย่างยั่งยืนโดยศาสตร์พระราชาตามแนวทางประชารัฐ จัดสรรให้กองทุนละไม่เกิน 3 แสนบาท วงเงินปี 2559-2561 รวม 70,000 ล้านบาท 

ข้อมูลจากสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ระบุว่า เงินเหล่านั้นถูกนำไปต่อยอดแปลงเป็นกิจกรรมและโครงการกว่า 209,453 โครงการ สร้างอาชีพให้กับคนในชุมชน 1.6 ล้านคน สร้างรายได้ให้กับชุมชน ตอบโจทย์การแก้ปัญหาให้กับชุมชนเอง เพื่อลดค่าใช้จ่ายและจัดเป็นสวัสดิการของสมาชิก อย่างเช่น ร้านค้าชุมชน บริการจัดงานชุุมชน นํ้าดื่มชุมชน กองทุนปุ๋ย ยา เมล็ดพันธุ์  บริการเครื่องจักรกลและวัสดุอุปกรณ์ทางการเกษตร ปั๊มนํ้ามันชุมชน บริการประปาหมู่บ้าน เกษตรฟาร์มรวม โรงสีข้าวชุมชน และลานตากผลผลิตเกษตร  ทำให้เงินที่ให้ไปงอกเงยคิดเป็นกำไรกว่า 8.5 พันล้านบาท

“ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี บอกว่า หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 เห็นชอบชุดโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากประจำปีงบประมาณ 2563 ประกอบด้วย 3 โครงการย่อย หนึ่งในนั้นคือ “โครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานระดับหมู่บ้าน” จากนั้นวันที่ 7 มกราคม 2563 ครม.ได้เห็นชอบให้เปลี่ยนชื่อเป็น “โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน”  จัดสรรงบประมาณกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ให้กับกองทุนหมู่บ้านฯ กองทุนละ 2 แสนบาท สามารถนำเงินไปสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพในด้านการประกอบอาชีพ ด้านการผลิต การแปรรูป การบริการของประชาชน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การจ้างแรงงาน การส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนอย่างยั่งยืน

“กองทุนหมู่บ้าน” ปลุกเศรษฐกิจฐานราก ขยายโอกาส-สร้างงาน-สร้างอาชีพ

“กองทุนที่จะได้รับการจัดสรรเงินส่วนนี้คือกองทุนที่ได้รับการประเมินอยู่ในระดับ A B และ C จำนวน 71,742 แห่ง ภายใต้วงเงินรวม 14,348.4 ล้านบาท ซึ่งเงินดังกล่าวจะไปกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ให้ประชาชนกองทุนหมู่บ้านฯ สร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับชุมชน”

ด้าน รศ.นที ขลิบทอง  ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (สทบ.) ระบุว่า “เป้าหมายของโครงการนี้ภายใต้วงเงิน 2 แสนบาท มุ่งสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพในด้านการประกอบอาชีพ ซึ่งแต่ละกองทุนสามารถคิดดำเนินโครงการที่เกี่ยวกับด้านการผลิต การแปรรูป และการบริการของประชาชน รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การจ้างแรงงาน การส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนอย่างยั่งยืน”

ผอ.สทบ. ยํ้าว่า วงเงิน 2 แสนบาทรอบใหม่ สามารถนำไปต่อยอดโครงการ เดิมที่ทำมาตั้งแต่ปี 2559-2561 ได้ทันทีเนื่องจากครม.ปลดล็อกให้ดำเนินการโครงการเดิมได้ ซึ่งขั้นตอนการโอนเงินต่อจากนี้ ได้มีการแจ้งไปยังประธานเครือข่ายกองทุนระดับภูมิภาค จังหวัด อำเภอ และตำบล ให้เตรียมคิดโครงการไว้ล่วงหน้า โดยวิธีการเขียนโครงการและยื่นเสนอโครงการยังใช้รูปแบบเดิมเพื่อป้องกันความสับสน คาดว่านายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านฯ จะลงนามในประกาศและคาดว่าจะเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษาภายในเดือนมกราคมนี้ จากนั้นแต่ละกองทุนเสนอโครงการเข้ามารับการพิจารณาในอนุกรรมการฯ คาดว่าจะสามารถกดปุ่มโอนเงินได้ภายในเดือนมกราคมนี้

“สทบ. พร้อมแล้วสำหรับโครงการตามแนวทางประชารัฐรอบที่ 4 กองทุนละ 2 แสนบาท ซึ่งได้ประสานทุกส่วนเตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว และยืนยันว่า 3 ปีที่ผ่านมาในการทำโครงการกว่า 2 แสนโครงการตามแนวทางประชารัฐ มีผลตอบแทนเป็นกำไรกว่า 8 พันล้านบาท มีเงินหมุนเวียนกว่า 4 หมื่นล้านบาท ทำให้เกิดการจ้างงานกว่า 1.6 ล้านคน”