กองทุนสื่อหนุนโครงการเยาวชน สร้างการรู้เท่าทัน เปลี่ยนแปลงสังคม

กองทุนสื่อหนุนโครงการเยาวชน  สร้างการรู้เท่าทัน เปลี่ยนแปลงสังคม

เปิดรับข้อเสนอโครงการ กิจกรรมเพื่อขอรับทุนสนับสนุน ครั้งที่ 3 ประจำปี 2564 ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีในครอบครัว ชุมชน สังคม สร้างการรู้เท่าทันสื่อ พัฒนาทักษะชีวิต เปิดมุมมองใหม่ สะท้อนความเปลี่ยนแปลงสังคม 29 ก.ย. – 28 ต.ค.

ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้มีการจัดสรรทุนเพื่อพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์มาแล้ว 4 ปี ตั้งแต่ 2560 – 2563 และปีนี้นับเป็นปีที่ 5 ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา กองทุนฯ ได้ให้ทุนกับผู้รับทุนไปแล้วกว่า 446 โครงการ งบประมาณรวมทั้งสิ้นกว่า 1,100 ล้านบาท

สำหรับการจัดสรรทุนประจำปี 2564 วงเงินงบประมาณไม่เกิน 300 ล้านบาท แบ่งการให้ทุนออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้ 1. การให้ทุนประเภทเปิดรับทั่วไป (Open Grant) วงเงินไม่เกิน 90 ล้านบาท 2. การให้ทุนประเภทเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Grant) วงเงินไม่เกิน 180 ล้านบาท และ 3. โครงการประเภทความร่วมมือ (Collaborative Grant) วงเงินไม่เกิน 30 ล้านบาท ซึ่งมีโครงการที่ทำสัญญาทั้งสิ้น 95 โครงการ โดยครั้งที่ 1 ยื่นขอผ่านระบบออนไลน์ เมื่อ 20 ม.ค - 19 ก.พ. 64

ครั้งที่ 2 เปิดรับข้อเสนอโครงการหรือกิจกรรมประเภทผู้รับทุนเดิม ยื่นขอผ่านระบบออนไลน์ 10 ส.ค. - 9 ก.ย. 64 วงเงินงบประมาณ 30 ล้านบาท เป็นทุนขยายผลโครงการหรือกิจกรรมที่เคยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนมาก่อนในระหว่างปี 2560 - 2563 ซึ่งดำเนินงานเสร็จสิ้นแล้ว และไม่มีภาระผูกพันตามสัญญาให้ทุนเดิม และ ครั้งที่ 3 อยู่ระหว่างเปิดรับข้อเสนอโครงการหรือกิจกรรมประเภทส่งเสริมและสนับสนุนเด็กและเยาวชน ซึ่งเปิดรับเป็นปีแรก ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. -28 ต.ค. 64 เวลา 16.30 น. วงเงินงบประมาณ 40 ล้านบาท

กองทุนฯ มีความเชื่อมั่นในพลังด้านบวกของเด็กและกล้าเปิดพื้นที่สำหรับเด็ก ด้วยความเชื่อที่ว่า หากเด็กมีโอกาส มีพื้นที่แสดงออกซึ่งความคิดสร้างสรรค์ พลังของเด็กไทย นิสิต นักศึกษา จะส่งผลดีต่อกองทุนฯ และประเทศชาติ” ดร.ธนกร กล่าว

ทั้งนี้ คุณสมบัติผู้ที่ขอรับทุนโครงการฯ ได้แก่ 1. บุคคลธรรมดาสัญชาติไทยอายุ 13 ปี แต่ไม่เกิน 25 ปี หากอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ในวันที่ยื่นคำขอต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง และ 2. นิติบุคคล ได้แก่ สถานศึกษา ตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ นิติบุคคล ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินกิจกรรมสาธารณประโยชน์และไม่แสวงหากำไร ทั้งนี้ ต้องไม่ใช่หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ

นอกจากนี้ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ยังได้จัดการประชุม "TMF Public Hearing : Grants for Change 2022" สำหรับปีงบประมาณ 2565 เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา เพื่อให้ประชาชนที่ต้องการเสนอโครงการหรือกิจกรรม ได้มีส่วนร่วมสะท้อนความต้องการและให้ข้อคิดเห็นต่อกองทุนในการประกาศเปิดรับข้อเสนอโครงการหรือกิจกรรมที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

กองทุนฯ มีความเชื่อมั่นในพลังด้านบวกของเด็กและกล้าเปิดพื้นที่สำหรับเด็ก ด้วยความเชื่อที่ว่า หากเด็กมีโอกาส มีพื้นที่แสดงออกซึ่งความคิดสร้างสรรค์ พลังของเด็กไทย นิสิต นักศึกษา จะส่งผลดีต่อกองทุนฯ และประเทศชาติ” ดร.ธนกร กล่าว

ทั้งนี้ คุณสมบัติผู้ที่ขอรับทุนโครงการฯ ได้แก่ 1. บุคคลธรรมดาสัญชาติไทยอายุ 13 ปี แต่ไม่เกิน 25 ปี หากอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ในวันที่ยื่นคำขอต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง และ 2. นิติบุคคล ได้แก่ สถานศึกษา ตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ นิติบุคคล ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินกิจกรรมสาธารณประโยชน์และไม่แสวงหากำไร ทั้งนี้ ต้องไม่ใช่หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ

นอกจากนี้ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ยังได้จัดการประชุม "TMF Public Hearing : Grants for Change 2022" สำหรับปีงบประมาณ 2565 เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา เพื่อให้ประชาชนที่ต้องการเสนอโครงการหรือกิจกรรม ได้มีส่วนร่วมสะท้อนความต้องการและให้ข้อคิดเห็นต่อกองทุนในการประกาศเปิดรับข้อเสนอโครงการหรือกิจกรรมที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

"กองทุนฯ เชื่อว่าความรู้ (Knowledge) และ จินตนาการ (Imagination) เป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตสื่อ ที่ผ่านมา ได้ทำงานร่วมกับสมาคมนักเขียนบทละครโทรทัศน์ สมาคมนักเขียน ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินพื้นบ้าน ในการเป็นครูสอนน้องๆ ด้วยเราเชื่อว่าอีก 2-3 ปี จะมีเครือข่ายกองทุนฯ ขยายเป็นวงกว้าง และจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน สุดท้าย ความฝันของกองทุนฯ คือ ในเมื่อวันนี้ทุกคนเป็นสื่อได้ เราอยากเห็นทุกคนผลิตสื่อที่ดี ที่มีคุณภาพ สามารถใช้พลังสร้างสรรค์ในการผลิตสื่อ ช่วยจรรโลงสังคม เติมเต็มสังคมให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น" ดร.ธนกร กล่าวทิ้งท้าย