เอ็มจี หนุนไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ หยุดวิกฤตโลกร้อน

เอ็มจี หนุนไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ หยุดวิกฤตโลกร้อน

เอ็มจี หนุนไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ หยุดวิกฤตโลกร้อน

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ได้ชื่อว่าเป็นผู้บุกเบิกรถยนต์พลังงานทางเลือกในไทยอย่างจริงจัง และเป็นผู้นำตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นปลั๊ก-อิน ไฮบริด รวมถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% (อีวี) ที่ปัจุบันเอ็มจี ครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 90%
    
นอกจากนี้ยังเดินหน้าสร้างสถานีชาร์จไฟฟ้า ทั้งในโชว์รูมและศูนย์บริการของตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และพื้นที่สาธารณะต่างๆ เพื่อสร้างความสะดวกในการใช้งาน และกระตุ้นให้เกิดการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่แพร่หลายมากขึ้นในอนาคต 
    
ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย การมีส่วนร่วมผลักดันประเทศไทยเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) ตามแนวทางของรัฐที่มุ่งเดินหน้าวางรากฐานการใช้งานรถยนต์พลังงานทางเลือกอย่างยั่งยืน 
    
และปีหน้า เอ็มจีมีแผนที่จะยกระดับความเข้มข้นให้มากขึ้น โดยเตรียมเปิดตัวรถยนต์พลังงานทางเลือกอีกอย่างน้อย 3 รุ่น ควบคู่ไปกับการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จให้ครอบคลุมทั่วประเทศ สะท้อนความมุ่งมั่น และความเอาจริงเอาจังในการสร้างสังคมยานยนต์ไฟฟ้าที่แข็งแกร่งในประเทศไทย

เอ็มจี หนุนไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ หยุดวิกฤตโลกร้อน

เอ็มจี หนุนไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ หยุดวิกฤตโลกร้อน

ความมุ่งมั่นของเอ็มจี และการร่วมมือกันของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อให้ประเทไทยพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่กำลังเป็นประเด็นสำคัญของโลก โดยล่าสุดในการประชุม COP26 ไทยวางเป้าหมายหลักในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net zero greenhouse gas emission) ภายในหรือก่อนปี พ.ศ. 2608 
    
ดังนั้น เอ็มจี ในฐานะผู้ริเริ่มการสร้างสังคมรถยนต์พลังงานทางเลือก จึงพร้อมที่จะร่วมผลักดันประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยให้ความสำคัญ และเอาจริงเอาจังด้วยการสนับสนุนให้คนไทยรู้จัก และเข้าใจในประโยชน์ระยะยาวของการใช้พลังงานสะอาด ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอรถยนต์ อีวี หรือ ปลั๊กอินไฮบริด ที่ปัจจุบันมีอยู่ 3 รุ่น คือ MG ZS EV, MG HS PHEV และ MG EP รวมถึงมีแผนที่ชัดเจนในการขยายสถานีชาร์จ เพื่อเพิ่มความพร้อม และผลักดันให้เกิดผู้ใช้งานรถยนต์พลังงานทางเลือกเพิ่มมากขึ้น 
    
พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า รถยนต์พลังงานทางเลือก เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งระดับประเทศและระดับโลก 

เอ็มจี หนุนไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ หยุดวิกฤตโลกร้อน

เอ็มจี หนุนไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ หยุดวิกฤตโลกร้อน

“เอ็มจีในฐานะผู้นำในตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือกในประเทศไทย เราได้ให้ความสำคัญ และเดินหน้าผลักดันการใช้รถยนต์พลังงานทางเลือกอย่างจริงจังมาโดยตลอด ทั้งการแนะนำรถยนต์พลังงานทางเลือกรุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง และทำให้ตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือกเติบโตอย่างก้าวกระโดด”
    
พงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้แบรนด์เอ็มจีมีความพร้อมทุกด้านในการรองรับ และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้า อย่างเต็มประสิทธิภาพ และจะเป็นกำลังหลักในการยกระดับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า และทำให้สังคมยานยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นจริง 
    
อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะความชัดเจนของภาครัฐที่จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยขับเคลื่อนสู่เป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น
    
ไม่เฉพาะในไทยเท่านั้น แต่ในหลายเวทีทั่วโลก เอ็มจี ถือเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในพลังงานทางเลือก เช่น ในสหราชอาณาจักร รถยนต์พลังงานทางเลือก เอ็มจี ได้รับความนิยมสูง รวมถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคยุโรป เห็นได้จากการสามารถสร้างยอดขายกว่า 20,000 คัน ในช่วงครึ่งปีแรก ปี พ.ศ. 2564 
    
สำหรับประเทศไทย ที่มีแผนแนะนำรถยนต์พลังงานทางเลือกสู่ตลาดอีกอย่างน้อย 3 รุ่น ภายในปีหน้า เป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่น และเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภค ที่รับรู้ และเชื่อมั่นในแบรนด์ และเทคโนโลยีของเอ็มจี หลังจากที่มุ่งมั่นบุกเบิกมายาวนาน 
    
ซึ่งหากย้อนกลับไปในยุคที่คนไทยยังไม่คุ้นเคยกับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เอ็มจี คือผู้จุดประกายความนิยมด้วยการนำรถยนต์ต้นแบบ MG E-Motion มาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ ปี พ.ศ. 2561 เพื่อสร้างการรับรู้ก่อนจะเปิดตัว MG ZS EV รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกในปี พ.ศ. 2562 ด้วยแนวคิด “Easy” เพื่อให้การใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นเรื่อง “ง่าย” ทั้งในด้านของการใช้งาน การดูแล การชาร์จพลังงาน และการเป็นเจ้าของ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และทำให้ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดด
    
จากนั้นในปี พ.ศ. 2563 ได้เพิ่มทางเลือกด้วยการแนะนำ MG HS PHEV ที่โดดเด่นด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริดที่มีระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้า หรือ EV Range สูงถึง 67 กิโลเมตร รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ก่อนที่จะเปิดตัว MG EP รถยนต์สเตชั่นแวกอนพลังงานไฟฟ้า ที่มาพร้อมแนวคิด “EVeryone” ในการเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ตอบโจทย์การใช้งานครบถ้วน 

ทั้งระยะทางการขับขี่ ความประหยัด สมรรถนะ ฟังก์ชั่น พื้นที่ใช้สอย รวมไปถึงราคาที่คุ้มค่า ในราคา 988,000 บาท ถือเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าราคาไม่ถึง 1 ล้านบาท ที่มีทุกอย่างครบที่สุดในตลาด และเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยที่จะต้องมีองค์ประกอบพื้นฐาน 4 เรื่องหลักคือ มิติตัวถังและพื้นที่การใช้งาน ความสะดวกสบายและระบบความปลอดภัย สมรรถนะของ EV และให้ความประหยัด