หลักฐานไม่พอ อัยการตีกลับ ตร.สอบเพิ่ม คดี “โรม” หมิ่นประมาทปมพูดซักฟอกปี 63

พยานหลักฐานยังไม่พอ อัยการตีกลับ ตร.สอบสวนเพิ่มเติม! “รังสิมันต์ โรม” เข้าพบ พนง.สอบสวน สน.บางขุนนนท์ หลังถูกออกหมายจับ ปมอภิปรายไม่ไว้วางใจปี 63 ประเด็น “ค้ามนุษย์โรฮีนจา-ตั๋วช้าง” พ่วง “เครือข่ายมูลนิธิป่ารอยต่อฯ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2565 ที่ สน.บางขุนนนท์ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายกรุณพล เทียนสุวรรณ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 9 หลักสี่-จตุจักร พรรคก้าวไกล นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล และนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กรณีนายรังสิมันต์ โรม ได้รับหมายจับจาก สน.บางขุนนนท์ ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ภายหลังจากการอภิปรายทั่วไปไม่ไว้วางใจเมื่อต้นปี 2563 เรื่องการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา และกรณี “ตั๋วช้าง” โดยเฉพาะคดีที่กล่าวพาดพิงเครือข่ายมูลนิธิป่ารอยต่อฯ

มีรายงานว่า พนักงานสอบสวนได้นำตัวนายรังสิมันต์ไปสำนักงานอัยการศาลแขวงตลิ่งชัน เพื่อส่งสำนวนให้กับอัยการเพื่อส่งฟ้อง อย่างไรก็ดีพนักงานอัยการเห็นว่า พยานหลักฐานของตำรวจยังไม่สมบูรณ์เพียงพอ จึงตีกลับให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติม ดังนั้นในชั้นนี้คดีจึงยังไม่เข้าสู่กระบวนการของอัยการ และไม่มีการร้องศาลเพื่อขอฝากขังแต่อย่างใด

หลักฐานไม่พอ อัยการตีกลับ ตร.สอบเพิ่ม คดี “โรม” หมิ่นประมาทปมพูดซักฟอกปี 63

ภายหลังเข้าพบอัยการ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ผลสรุปที่ว่า สำนวนไม่สมบูรณ์ จึงเป็นคำถามว่า กระบวนการในวันนี้คือการเร่งรัดคดีของผู้มีอำนาจ เพื่อกลั่นแกล้งกันหรือไม่ ยืนยันพร้อมฟ้องกลับให้เป็นบรรทัดฐานคำว่า "นายสั่งมา" จะต้องไม่เป็นกระบวนการที่ถูกยอมรับในสังคมไทย สิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยเพิ่มเติมว่าในเมื่อสำนวนยังไม่เรียบร้อยเช่นนี้ แล้วทางตำรวจจะดันทุรังเร่งออกหมายจับเพื่อนำตัวผมมาส่งอัยการไปเพื่ออะไร แล้วศาลอนุมัติหมายจับในสำนวนที่ไม่เรียบร้อยแบบนี้ได้อย่างไร มีใครต้องการใช้กระบวนการทางคดีเพื่อกลั่นแกล้งกันหรือไม่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดกับตนแค่คนเดียว และอันที่จริงกรณีของตนนับว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับพี่น้องประชาชนผู้แสดงความเห็นทางการเมืองและตั้งคำถามต่อรัฐบาลอีกเป็นจำนวนมาก ที่เมื่อถูกยัดคดีเข้ามา เขาก็ไปรายงานตัวกับตำรวจอย่างสม่ำเสมอ ไม่คิดหลบหนี แต่ก็ยังถูกคุมขังอยู่เสมอเพียงเพราะเขาเป็นคนตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีปากเสียงอะไร

หลักฐานไม่พอ อัยการตีกลับ ตร.สอบเพิ่ม คดี “โรม” หมิ่นประมาทปมพูดซักฟอกปี 63

"ผมไม่อยากให้ประเทศแห่งนี้เป็นประเทศที่เมื่อมีคนเอาความจริงมาพูด แล้วผลลัพธ์จะต้องกลายเป็นคดีความอยู่ร่ำไป จนกระทั่งไม่มีใครกล้าตรวจสอบผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไปหรือ ส.ส. ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพี่น้องเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย แม้ท่านจะถูกกดดันมาจากเบื้องบน แต่ก็จะต้องไม่นำพาประเทศไปสู่จุดนั้น ในวันนี้มีพี่น้องประชาชนจำนวนมากเดินทางมาให้กำลังใจผมทั้งที่หน้า สน.บางขุนนนท์ ที่สำนักงานอัยการตลิ่งชัน และที่ให้กำลังใจมาทางออนไลน์ ผมขอขอบคุณน้ำใจของพี่น้องทุกท่านที่สละเวลามาติดตามสถานการณ์ของผมครั้งนี้ และหวังว่าการดำเนินการทางกฎหมายต่อการใช้อำนาจโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ ซึ่งผมจะพิจารณาดำเนินการหลังจากนี้ไป จะช่วยเป็นบรรทัดฐานในการปกป้องสิทธิในกระบวนการยุติธรรมและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนทุกคน ไม่มากก็น้อย” นายรังสิมันต์ กล่าว

โดยในช่วงเช้า นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ถ้าหากศาลมีคำพิพากษา และไม่สามารถประกันตัวได้ ซึ่งก็จะเป็นไปตามที่หลายคนกังวลในส่วนของการไม่มีตำแหน่ง ส.ส. ตนก็อาจจะต้องต่อสู้คดีในเรือนจำ ส่วนการออกหมายจับ เนื่องจากตนได้ทำการอภิปรายเรื่องปัญหามูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เมื่อช่วงต้นปี 2563 โดยมีความเกี่ยวข้องกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ต่อมา สน.บางขุนนนท์ ออกหมายเรียก ตน 2 ครั้ง คือ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ และ วันที่ 5 มีนาคม เพื่อให้ไปพบกับตำรวจในวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงเวลาที่มีการออกหมายเรียกนั้น ตนอยู่ในระหว่างสมัยประชุมของสภาผู้แทนราษฎรในสภา จึงไม่สามารถเข้าพบเจ้าหน้าที่ได้ จึงได้ส่งทนายความส่วนตัวมาชี้แจงกับพนักงานสอบสวนไปแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนก็รับปากว่าจะมีการถอนหมายเรียกก่อน แต่ก็มีการออกหมายจับของศาลจังหวัดตลิ่งชัน ซึ่งตนก็สังเกตว่าทำไมถึงมีการออกหมายเรียกและหมายจับในช่วงที่ตนกำลังอภิปรายเรื่องตั๋วช้าง การค้ามนุษย์ นอกจากนี้คดีดังกล่าวยังมีโทษจำคุกสูงเกิน 3 ปี และตนก็มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีพฤติกรรมหลบหนี แต่กลับมีการออกหมายจับ

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ขั้นตอนต่อไปเบื้องต้นพนักงานสอบสวนก็จะพาตนไปพบพนักงานอัยการ โดยพนักงานอัยการก็มีอำนาจในการขอฝากขัง แต่ตนก็ได้มีการพูดคุยกับทนายกฤษฎางค์ และยังเชื่อว่าอาจจะไม่ถึงขั้นฝากขังหรือต้องใช้หลักทรัพย์ในการประกันตัว แต่หลังจากนั้นหากพนักงานอัยการสั่งฟ้อง และถ้าไม่ให้ประกันตัว ก็จะมีผลกับตำแหน่งความเป็น ส.ส. และการทำหน้าที่ในสภาอย่างแน่นอน การบังคับใช้กฎหมายในลักษณะนี้ตนมองว่าเป็นการบังคับใช้กฎหมายโดยมิชอบ ไม่ใช่แค่ตน แต่กับพี่น้องประชาชนที่มีความเห็นต่างก็ถูกดำเนินคดีไม่ตามๆกัน พี่น้องบางคนที่ถูกดำเนินคดี มีการเข้ารายงานตัว ไม่มีประวัติเสียแต่กลับถูกสวมกำไรอีเอ็ม มันสะท้อนให้เห็นการทำงานของระบวนการยุติธรรม ซึ่งตอนนี้มันไม่สามารถเรียกว่ากระบวนการยุติธรรมได้แล้ว แต่ต้องเรียกว่า กระบวนการอยุติธรรม ส่วนตัวไม่ได้กังวลใจ และมองมองว่ากระบวนการในชั้นพนักงานอัยการคงจะไม่ไปถึงขนาดนั้น ส่วนการดำเนินคดีกลับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนยืนยันว่าจะทำอย่างแน่นอน ยอมรับว่าลำบากใจ ตนเข้าใจว่าตำรวจผู้น้อยถูกบีบมา แต่การที่ท่านถูกบีบมาและมาบังคับใช้กฎหมายกับประชาชนโดยมิชอบ ตนก็ยอมรับไม่ได้เช่นกัน

นายรังสิมันต์  กล่าวด้วยว่า ตนค่อนข้างผิดหวังในกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากอีกเพียงไม่กี่วัน ตนก็จะเข้าสู่กระบวนการปกติ พร้อมยืนยันว่าจะต่อสู้คดีต่อไป อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ดีว่าผลที่เขาต้องการน่าจะไม่เกิดขึ้น หนังที่เขาพยายามสร้างเพื่อรังแกตนน่าจะไม่เกิดขึ้น ก็เป็นเพราะประชาชนได้แสดงเจตจำนงอย่างแน่วแน่ที่จะยืนเคียงข้างตน

ขณะที่ นายพิธา กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาให้กำลังใจรังสิมันต์ โรม และอยากจะเข้าไปสอบถามถึงกระบวนการขั้นตอนการออกหมายจับในครั้งนี้ ตนอยากถามว่า ถ้าวันนี้คู่ขัดแย้ง หรือโรม ไม่ได้เป็นผู้พูดพาดพิงไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ การบังคับใช้กฎหมายจะออกมาในรูปแบบนี้หรือไม่

ส่วนนายกฤษฎางค์ กล่าวว่า ขั้นตอนวันนี้หลังจากรับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้ว คาดว่า จะส่งตัวนายรังสิมันต์ไปให้พนักงานอัยการ เพื่อพิจารณาส่งฟ้อง ส่วนทีมทนายความก็ได้เตรียมหลักทรัพย์ไว้ หากจำเป็นต้องใช้ในการประกันตัว เพื่อสู้คดีในกระบวนการยุติธรรม ต่อไป