ก่อนโผล่แจม “ธรรมนัส”! โพรไฟล์ “ดิว อริสรา” อดีตแฟน “ไผ่” ทำธุรกิจร่วมน้องชาย

“เป็นเรื่องของอนาคต ไม่อยากให้คนมองว่าการเข้ามาทำกิจกรรมตรงนี้เพื่อเป้าหมายอะไร แต่อยากให้มองว่า เป็นการเห็นใจกันและกันมากกว่า”

เป็นคำตอบของ “ดิว” อริสรา ทองบริสุทธิ์ นักแสดงชื่อดัง ที่สร้าง “เซอร์ไพรส์” มาร่วมกิจกรรมในการลงพื้นที่ของ “พรรคเศรษฐกิจไทย” ร่วมกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2565 ถึงประเด็นว่าอนาคตจะก้าวเข้ามาสู่งานการเมืองหรือมาเป็นโฆษกพรรคเศรษฐกิจไทย (ศก.) หรือไม่

"ยอมรับว่าสถานการณ์การเมืองทุกวันนี้น่าเป็นห่วง แต่คงไม่กล้าออกความคิดเห็นเยอะ เพราะมีความคิดเห็นจากหลายฝ่าย เป็นเรื่องที่ค่อนข้างอ่อนไหว แต่ด้วยความที่เป็นคนไทยด้วยกันในสถานการณ์แบบนี้ทุกคนต้องออกมาช่วยกัน พร้อมให้กำลังใจทุกคนที่เจอสถานการณ์โควิดขอให้สู้กันต่อไป โดยเฉพาะเมื่อมีคนที่มองเห็นค่าและช่วยให้กำลังใจกันขนาดนี้" น.ส.อริสรา กล่าว

อ่านข่าว: "ดิว อริสรา" โผล่แจม "ธรรมนัส" ศก.ไทย ลงพื้นที่คลองเตย อุบ นั่งโฆษกพรรค

หลายคนอาจรู้จัก “ดิว อริสรา” เป็นหนึ่งในนักแสดงแถวหน้าของ “วงการบันเทิง” ไทย แต่กับ “แวดวงการเมือง” ก็ไม่ไกลตัวเธอมากนัก เพราะก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยคบหากับ “ไผ่ ลิกค์” หรือ “ไผ่ วันพอยท์” ส.ส.กำแพงเพชรชื่อดัง ปัจจุบันถือเป็นคนสนิท “ผู้กองธรรมนัส” เป็นเวลาถึง 6-7 ปี

แม้ “ดิว-ไผ่” จะเลิกรากันไปหลายปีแล้วก็ตาม แต่ “ดิว อริสรา” เคยให้สัมภาษณ์ยกให้ “ไผ่” เป็นแฟนที่ดีที่สุดในชีวิต และยังคงอยู่ในชีวิตของเธอมาตลอด

แม้แต่ในช่วง “พรรคพลังประชารัฐ” ระส่ำระส่ายช่วง “นายกฯบิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปลดฟ้าผ่า “ผู้กองธรรมนัส” พ้นเก้าอี้ รมช.เกษตรและสหกรณ์ “ไผ่” คือคนที่ออกมาเคลื่อนไหวแทน “ผู้กองคนดัง” ขณะที่ “ดิว อริสรา” โผล่ให้กำลังใจระบุว่า “กำแพงเพชรโชคดีที่มีพี่ไผ่” อีกด้วย

ในมุมธุรกิจหลายคนอาจไม่รู้ว่า ช่วงที่ “ดิว-ไผ่” คบกันนั้น ดาราหญิงชื่อดังคนนี้ ทำธุรกิจ “ขายรถ” ร่วมกับ “ภูผา ลิกค์” น้องชายของ “ไผ่” ด้วย

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2565 พบว่า อริสรา ทองบริสุทธิ์ ปรากฏชื่อเป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 7 แห่ง (เท่าที่ตรวจสอบพบ) ยังดำเนินกิจการอยู่อย่างน้อย 1 แห่ง ได้แก่

บริษัท ลัคกี้แอทมีเดีย จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2556 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 519/24 หมู่บ้าน นาราสิริ โทเพียรี่ ถนนนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด ผู้ติดต่อประสานนักแสดง ดารา ปรากฏชื่อ อริสรา ทองบริสุทธิ์ เป็นกรรมการรายเดียว

นำส่งบรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุด เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2564 อริสรา ทองบริสุทธิ์ ถือหุ้นใหญ่สุด 99.98% นายกัมพล ทองบริสุทธิ์ ถือ 0.01% และนายกฤติน ทองบริสุทธิ์ ถือ 0.01%

นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2563 มีรายได้รวม 8,011,448 บาท รายจ่ายรวม 7,833,005 บาท กำไรสุทธิ 178,443 บาท

“ดิว อริสรา” เคยปรากฏชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นร่วมกับ “ภูผา ลิกค์” ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.เกษตรและสหกรณ์ น้องชาย “ไผ่ ลิกค์” ในบริษัท บันไซ คาร์ เซ็นเตอร์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2551 แจ้งเลิกเมื่อ 5 ส.ค. 2558 ทุน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 44/563 ซอยนวมินทร์ 143 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด ขายรถ มีภูผา ลิกค์ และอริสรา ทองบริสุทธิ์ เป็นกรรมการ

รายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2558 ภูผา ลิกค์ และอริสรา ทองบริสุทธิ์ ถือหุ้นเท่ากันที่ 40% ที่เหลืออยู่ในชื่อของนางทัศนีย์ โชติรัชต์กุล (สกุลเดียวกับนางปราณี โชติรัชต์กุล แม่ของไผ่ และภูผา ภริยาของเรืองวิทย์ ลิกค์ นักการเมืองดัง) ถือ 20%
    
นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2557 ไม่มีรายได้ มีรายจ่ายรวม 10,000 บาท ขาดทุนสุทธิ 10,000 บาท

“ดิว อริสรา” ยังปรากฏชื่อเป็นกรรมการบริษัทที่เสร็จชำระบัญชี และเลิกกิจการไปแล้วอีก 5 แห่ง ได้แก่ บริษัท คู่หู88 จำกัด ทำธุรกิจการก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย บริษัท พะริสะรา จำกัด ทำธุรกิจการขายส่งเสื้อผ้า บริษัท มาเบล โบเต้ จำกัด ทำธุรกิจร้านขายปลีกเครื่องสำอาง บริษัท เมาว์เท็น อ๊อฟ เจมส์ จำกัด ทำธุรกิจการขายส่งนาฬิกาและเครื่องประดับ และบริษัท แคนดี้ ซีเคร็ท จำกัด ทำธุรกิจการขายส่งเครื่องสำอาง

ขณะที่ “เซบาสเตียน ลี” สามีของ “ดิว อริสรา” ที่เพิ่งขอแต่งงานกันไปเมื่อช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา มีสัญชาติไต้หวัน เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ณ วันที่ 1 มี.ค. 2565 ยังไม่ปรากฎชื่อเป็นกรรมการในบริษัทแห่งใดที่จดทะเบียนในไทย

ทั้งหมดคือบางเสี้ยวชีวิตของ “ดิว อริสรา” ดารามากเสน่ห์ ที่เข้ามาพัวพันในแวดวงการเมืองไทย ผ่าน “ไผ่ ลิกค์” กระทั่งเข้ามาร่วมกิจกรรมกับ “ผู้กองธรรมนัส” จนหลายคนประหลาดใจอยู่ตอนนี้

ส่วนอนาคตเธอจะเข้ามาสู่วงการนี้เต็มตัวหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป