“ธนาธร” ขยับปัดฉีด “วัคซีน VIP” ลุยฟ้อง “กลุ่ม-องค์กรรัฐ” ปล่อยข้อมูลส่วนตัว

“ธนาธร” ขยับปัดฉีด “วัคซีน VIP” ลุยฟ้อง “กลุ่ม-องค์กรรัฐ” ปล่อยข้อมูลส่วนตัว

“ธนาธร” ขยับ! ลุยฟ้อง “กลุ่ม-องค์กรรัฐ” ปล่อยข้อมูลส่วนตัว ปัดไม่ได้ใช้สิทธิฉีด “วัคซีน VIP” โรงพยาบาลโทรแจ้งให้ไปเพราะแจ้งความประสงค์ไว้ กลัววัคซีนเหลือ ฉีดสมุทรปราการเพราะใกล้บ้าน ปัดด้อยค่าวัคซีน ซัด “ไอโอ-กองทัพ-บางพรรค” บิดเบือน สร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชน

เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2565 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ชี้แจงกรณีถูกกล่าวหาว่าได้รับ “วัคซีน VIP” ว่า กรณีการรับวัคซีนของตน และการที่รัฐล้วงข้อมูลของประชาชนมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ตนพยายามอดทนอดกลั้นมาตลอดกับความพยายามที่จะใส่ร้ายป้ายสี ทำลายความน่าเชื่อถือและชื่อเสียง  โดยคนกลุ่มหนึ่งที่สนับสนุนเครือข่ายเผด็จการอนุรักษนิยม คนกลุ่มนี้ปลุกปั้น แต่งเรื่องไม่จริง พูดซ้ำๆ ทุกวัน เพื่อให้ชื่อเสียงเสียหาย เพื่อให้ประชาชนเกลียดชัง ถึงวันนี้มีคนจำนวนหนึ่งเข้าใจผิดเพราะการกระทำของคนกลุ่มนี้ ตัวอย่างก่อนหน้านี้ เช่น การที่ผมเดินทางไปแข่งขันกีฬา และเดินทางไปพักผ่อนพร้อมครอบครัวที่ต่างประเทศ คนกลุ่มนี้ก็สร้างข่าวให้ประชาชนเข้าใจผิดอย่างน่าเกลียด พร้อมทั้งร่วมมือกับรัฐเผด็จการ ส่งเจ้าหน้าที่รัฐไปถ่ายรูปตน และครอบครัวที่สนามบิน และนำภาพถ่ายในกระบวนการตรวจคนเข้า/ออกประเทศ มาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ข่าวที่พวกเขาสร้างทำนองว่าผมวางแผนให้กลุ่มนักศึกษาเยาวชน เคลื่อนไหววุ่นวายในประเทศ ขณะที่ตนเองแอบหนีไปต่างประเทศเงียบๆ

“แน่นอนว่าทั้งหมดไม่เป็นความจริง การวางแผนแข่งกีฬากับทีมของผม และการวางแผนพักผ่อนกับครอบครัวนั้น วางแผนกันล่วงหน้าหลายเดือน และไม่ได้ปกปิดใคร เพื่อนฝูง และคนใกล้ชิดก็รู้แผนการเดินทางของผมทั้งหมด และผมไม่ได้มีส่วนร่วมในการวางแผน/ออกแบบ/กำหนดวัน ในการเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาชนใดๆ ทั้งสิ้น” นายธนาธร ระบุ

นายธนาธร ระบุอีกว่า ในครั้งนี้ พวกเขากล่าวหาว่า ตนแย่งวัคซีนคนแก่ กล่าวหาว่า ด้อยค่าวัคซีนแต่กลับไปฉีดเสียเอง นำหลักฐานผิดฝาผิดตัว มาผูกเรื่องราวให้ประชาชนเข้าใจว่าตนใช้อำนาจบาตรใหญ่แซงคิวประชาชน พวกเขาร่วมมือกับรัฐบาลเผด็จการ นำข้อมูลส่วนบุคคล ออกมาเปิดเผยในที่สาธารณะเพื่อสร้างเรื่องหลอกลวงเหล่านี้ แน่นอน เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ตระหนักดีถึงสถานะของตนเอง พยายามครองตนให้เหมาะสม และระมัดระวังตัวเองอยู่เสมอไม่ให้มีการใช้ความเป็นบุคคลสาธารณะของตนเองเพื่อได้มาซึ่งสิทธิพิเศษ 

หากไม่เสพข่าวจากคนกลุ่มนี้เพียงด้านเดียว หาข้อมูลสาธารณะเพียงเล็กน้อย ย่อมจะเห็นว่าข้อกล่าวหาของคนกลุ่มนี้ไม่เป็นความจริงเลย มีการเปิดให้คนทั่วไปฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนแล้ว
(ดูข่าวแนบได้ที่นี่ https://www.thansettakij.com/general-news/482859)

ส่วนคนจำนวนมากที่ไม่ใช่ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยมีโรคประจำตัว รวมทั้งคนหนุ่มสาวในวัยทำงาน ได้ฉีดวัคซีน AZ แล้วเป็นจำนวนมาก ทั้งในกรุงเทพฯ สมุทรปราการ และจังหวัดสีแดง คนที่ได้ฉีดวัคซีน AZ ในเดือนกรกฎาคมไม่ได้แย่งคนแก่ฉีดแน่ๆ
(ดูสถิติการฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 1 ก.ค.64 https://ddc.moph.go.th/vacc.../getFiles/10/1625222017817.pdf)

ประธานคณะก้าวหน้า ระบุอีกว่า ที่ตนฉีดที่สมุทรปราการ เพราะใกล้บ้าน อยู่รอยต่อระหว่างกรุงเทพฯ และสมุทรปราการ ข้ามถนนหน้าบ้านก็ข้ามจังหวัดแล้ว คนเดินทางข้ามเขตจังหวัดตลอดเวลาเหมือนเป็นพื้นที่เดียวกัน ไม่มีข้อกฎหมายห้ามไม่ให้คนฉีดนอกจังหวัดที่ตนเองมีทะเบียนบ้านอยู่ ที่ไปฉีดตอนหัวค่ำเพราะเป็นวัคซีนเหลือของวัน โรงพยาบาลต้องโทรหาคนที่แจ้งความประสงค์ฉีดวัคซีนไว้ให้ไปฉีด เพื่อไม่ต้องทิ้งวัคซีนที่มีค่า ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ตนไม่รู้จัก และไม่เคยคุยกันมาก่อน ก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับ Top News เองว่ากระบวนการทุกอย่างเป็นไปตามปกติ
(อ่านคำให้สัมภาษณ์ของผู้อำนวยการที่นี่ https://www.topnews.co.th/news/205344...)

“ผมวิพากษ์การจัดหาวัคซีนของรัฐบาลที่ผิดพลาดโดยเฉพาะการแทงม้าตัวเดียว ผมไม่เคยเชิญชวนให้คนไม่ฉีดวัคซีน กลับกัน ผมยังชวนให้คนไปฉีดวัคซีน เพื่อปกป้องตัวเองและส่วนรวม” นายธนาธร ระบุ 
(ดูข่าวการเชิญชวนให้ประชาชนฉีดวัคซีนของผมได้ ที่นี่ https://www.khaosod.co.th/politics/news_6391684 และที่นี่ https://www.posttoday.com/politic/news/652713...) 

นายธนาธร ระบุด้วยว่า อย่างที่กล่าวข้างต้นว่า  พยายามอดทนอดกลั้นกับการกระทำของคนกลุ่มนี้ ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ถึงแม้จะโดนตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ก็ตั้งใจว่าจะทำในสิ่งที่พอจะทำได้คือ การทำงานการเมืองท้องถิ่นของคณะก้าวหน้า การรณรงค์ประเด็นสาธารณะที่สำคัญ และการทำงานความคิดประชาธิปไตยกับคนทุกกลุ่ม เพื่อสร้างสังคมที่ผม และเพื่อนหวังจะเห็น แต่การกระทำที่น่ารังเกียจของคนกลุ่มนี้ และการร่วมสนับสนุนโดยไอโอของรัฐบาล กองทัพ และบางพรรคการเมือง ที่รังแต่จะสร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชน ไม่ได้ทำร้ายตนคนเดียว ไม่ใช่คนเดียวที่โดนทำลายจากคนกลุ่มนี้ ยังมีนักประชาธิปไตย และนักสิทธิมนุษยชนอีกเป็นจำนวนมากที่ถูกคนกลุ่มนี้ทำลายชื่อเสียง

ดังนั้นผมจึงขอใช้สิทธิดำเนินการฟ้องคดีตามกฎหมายต่อคนกลุ่มนี้ และต่อองค์กรรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อปกป้องไม่ให้รัฐนำข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนเองถืออยู่ในมือมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชน รวมถึงทำลายผู้ที่เห็นต่างกับรัฐอีกต่อไป ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มอบให้ผมจากมิตรสหาย และผู้สนับสนุนในสองสามวันมานี้ สิ่งต่างๆ นี้ ทำให้พวกเรามีพลังในการทำงานต่อไป ขอให้ทุกท่านที่อ่านข้อความนี้ ช่วยกดแบ่งปันให้ข้อความของผมเข้าถึงคนหมู่มากได้ เพื่อให้พวกเขารับข้อมูลทั้งสองด้าน และที่สำคัญกว่านั้นคือ เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงอันตรายของการที่รัฐใช้ข้อมูลส่วนตัวของพวกเรามาเป็นเครื่องมือทางการเมืองรับใช้ผู้มีอำนาจ” นายธนาธร ทิ้งท้าย

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์   ศิลาวงษ์