"เฉลิมชัย" นำทัพ ปชป. ปราศรัยชุมพร ปะทะ "ลุงป้อม-ธรรมนัส"

"เฉลิมชัย" นำทัพ ปชป. ปราศรัยชุมพร ปะทะ "ลุงป้อม-ธรรมนัส"

"เฉลิมชัย" นำทัพ ปชป. ปราศรัยชุมพร ปะทะ "ลุงป้อม-ธรรมนัส" ประกาศขอสู้เต็มตามวิถีทางประชาธิปไตย ไม่ใช้อำนาจรัฐ ด้าน สาทิตย์ บอก พปชร. ไม่ควรส่งผู้สมัคร แข่งกันเองในฐานะพรรคร่วม

8 ม.ค.2565 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นำทัพ สส.พรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ปราศรัยปราศรัย ช่วยนายอิสรพงษ์ มากอำไพ ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม หมายเลข 1 ที่หน้าเทศบาลสวี จังหวัดชุมพร โดยขอความเมตตาจากพี่น้องชาวสวี ย้ำเงื่อนไขของพรรคในการเข้าร่วมรัฐบาล เพราะต้องการนำนโยบายการประกันรายได้ สินค้าเกษตร 5 ชนิด เข้าไปผลักดัน ให้พี่น้องเกษตรกร โดยเฉพาะพี่น้องภาคใต้ที่มีความผูกพันกับพรรคประชาธิปัตย์ หากรัฐบาลไม่รับเงื่อนไขนี้ ก็จะไม่ร่วมรัฐบาล

 ดังนั้นวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ พูดได้เต็มปากในฐานะที่ไปเจรจายื่นเงื่อนไขได้ว่า พรรคเป็นคนทำโครงการประกันรายได้ให้เกิดขึ้นและเดินไปข้างหน้า ซึ่งใช้เงินกว่าแสนล้านในแต่ละปี เพื่อดูแลพี่น้องเกษตรกร เกือบ 10 ล้านครัวเรือน แต่เป็นหน้าที่ของรัฐบาล มีหลายคนบอกว่า การช่วยเหลือเกษตรกร เป็นภาระของรัฐบาล ตนไม่อยากได้ยินคำนี้ เพราะพี่น้องเกษตรกรคือพี่น้องคนไทยที่รัฐบาลต้องดูแล ตนจึงตัดสินใจเลือกมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 

พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันการดูแลเกษตรกรไม่ใช่ภาระของประเทศ แต่เป็นหน้าที่ที่ต้องทำและดูแล ขอให้ประชาชนไปดูว่าใครเป็นคนพูด ว่าการดูแลเกษตรกรเป็นภาระของรัฐ 

และขอให้ไปย้อนดูการหาเสียงของแต่ละพรรคทำอย่างไร ที่ประกาศนโยบายไปแล้วทำได้หรือไม่ แต่ประชาธิปัตย์เราทำได้ โดยนายกรัฐมนตรีย้ำในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเสมอว่าการจะทำอะไรต้องรับผิดชอบร่วมกัน ขณะเดียวกันไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดสถานการณ์โควิดเข้ามา ดังนั้น นโยบายต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่ช่วยเหลือเยียวยาประชาชน ทั้งโครงการคนละครึ่ง เราชนะถือเป็นโครงการและผลงานขอคณะรัฐมนตรีที่เข้าร่วมรัฐบาลทั้งหมด ตนมีความละอายไม่กล้าจะนำมาหาเสียงเอง แต่จำคำพูดของนายกรัฐมนตรีว่า มติคณะรัฐมนตรี คือความรับผิดชอบร่วมกัน ตนจึงแยกแยะออกว่ารับผิด-รับชอบ คืออะไร

อย่างไรก็ตาม วันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำการเมือง ซึ่งเป็นโอกาสดีของชาวสวีที่จะได้เลือกคนรุ่นใหม่ โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้สร้างดาวรุ่งคนรุ่นใหม่ เพื่อมาเป็นตัวแทน และเป็นสัญลักษณ์ในการเดินไปข้างหน้า โดยนายอิสรพงษ์ ถือเป็นคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่แค่เป็นผู้สมัครอย่างเดียว แต่พี่น้องชาวชุมพรต้องเลือกเข้าไปทำหน้าที่ในสภา พร้อมรับปากจะผลักดันเป็นรัฐมนตรีในอนาคต

 

 

พร้อมกันนี้ นายเฉลิมชัย ยังออกตัวว่าเป็นคนพูดไม่เก่ง พูดน้อย ไม่ขี้โม้ แต่เป็นคนที่พูดแล้วรับผิดชอบต่อคำพูด ที่ตนกล้าเข้ามาเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องกล้ารับผิดชอบ โดยยืนยันจะสู้สนามเลือกตั้งนี้เต็มที่ ตามวิถีทางประชาธิปไตย ไม่ได้สู้ในวิถีการใช้อำนาจ เพราะต้องการให้รู้ว่าคนชุมพร ยังสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์จากหัวใจ จึงขอโอกาสให้ในการเลือกตั้งซ่อมวันที่ 16 มกราคมนี้ ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เข้ามาดูแล กลับมาฟื้นอีกรอบ เพื่อดูแลพี่น้องประชาชน โดยยังเชื่อมั่นในความศรัทธาของชาวชุมพรที่มีต่อพรรค ซึ่งที่ผ่านมาอาจมีปัญหาสะดุดบ้าง แต่พรรคไม่เคยทิ้งพี่น้องประชาชน ยังคงยืนเคียงข้างมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล และเมื่อตนเข้ามาเป็นเลขาพรรค นโยบายที่สำคัญที่สุด คือ การดูแลประชาชน ไม่ใช่แค่ตำแหน่งหน้าที่ ดังนั้น คนที่จะมาเป็น สส. ของพรรคประชาธิปปัตย์ ต้องรักและให้ความสำคัญกับพี่น้องประชาชน มาเป็นอันดับหนึ่ง

ด้าน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งเขต 1 ประกาศลั่นกลางเวทีว่า พรรคพลังประชารัฐในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ไม่ควรส่งผู้สมัครแข่ง เพราะเป็นพื้นที่เดิมของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่ประกาศว่าจะไม่ส่ง แต่กลับมติพรรค ซึ่งเมื่อเปรียบกับฟุตบอล ที่อำเภอสวี ถือเป็นแมตช์หยุดโลก ศึกแดงเดือด เพราะ 2 เวทีปราศรัย ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐ ตั้งข้างกัน แต่มั่นใจเวทีประชาธิปัตย์ชนะขาด โดยวัดจากจากประชาชนที่มาฟังปราศรัย เพราะเชื่อว่าพี่น้องชาวสวี มีความรัก ความเป็นธรรมจากใจให้กับพรรค โดยนายสาทิตย์ ระบุด้วยว่า การเมืองต้องมีเหตุผล ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะการเลือกตั้งได้จบไปเมื่อปี 2562 ที่ประชาชนตัดสินใจเลือกนายชุมพล จุลใส หรือ สส.ลูกหมี แล้ว พร้อมชื่นชมนายชุมพล ที่มีจุดยืนทางการเมืองชัดเจน ทำงานในสภาฯ ไม่เคยบกพร่อง และเป็นคนรักความยุติธรรม โดยตัดสินใจลงถนนต่อต้านระบอบทักษิณในนาม กปปส. สะท้อนให้เห็นถึงความรักชาติ จนเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง เป็นที่มาของการเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้ พร้อมย้ำมารยาททางการเมืองไม่ควรส่งคนลงแข่ง และที่รัฐบาลได้มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีส่วนหนึ่งมาจากแรงสนับสนุนของพรรคประชาธิปัตย์

ขณะเดียวกัน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ได้นำทัพ สส. จัดเวทีปราศรัยที่อำเภอสวี บริเวณ สถานีรถไฟซึ่งใกล้กับเวทีของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย