"สุชาติ"รับเสียงข้างน้อยใน"พปชร." อยู่แล้วไม่สบายใจ ต้องพิจารณาตัวเอง

"สุชาติ" ชี้ ปรับโครงสร้างพปชร. เรื่องปกติ ระบุ กก.บห. ที่ลาออก เป็นการเตรียมการ หากมีการบริหารพรรคผิดพลาด ไม่ตรงกัน เราเสียงข้างน้อย อยู่แล้วไม่สบายใจต้องพิจารณาตัวเอง
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันนี้ ว่ากำลังดูอยู่ว่าจะมีการประชุมหรือไม่มี ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค ตนเป็นแค่คณะกรรมการ 1 เสียงเท่านั้น ส่วนการที่มีกรรมการบริหารพรรคบางคนลาออกแล้ว ก็เป็นการเตรียมการ หากมีการบริหารพรรคผิดพลาดหรือแนวทางที่ไม่ตรงกัน ในฐานะที่เราเป็นเสียงข้างน้อยก็ต้องพิจารณาตัวเอง หากเสียงสะท้อนที่ส่งสัญญาณไปมีประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมือง และประโยชน์ของพรรคพลังประชารัฐ ก็ถือว่าได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว ตนก็เคารพการตัดสินใจของหัวหน้าพรรค เพราะเป็นศูนย์รวมจิตใจของสมาชิกทุกคน พรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคที่ตั้งมาใหม่ และมี ส.ส. 200 กว่าคน ไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นเรื่องที่ยากมาก
ส่วนหลังจากนี้จะสามารถทำงานร่วมกันได้หรือไม่ นายสุชาติ ระบุว่าพรรคการเมืองก็มีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา เพื่อปรับสมดุลของการเมือง วันนี้เราอาจเป็นคนที่ดีและเหมาะสม แต่เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนไปก็อาจจะไม่ใช่เรา ก็เป็นเรื่องปกติ
เมื่อถามย้ำว่า การที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ระบุว่า พยายามขับเคลื่อนให้มีการเปลี่ยนแปลงแต่ถ้าทำไม่สำเร็จจะอยู่อย่างไร นายสุชาติ กล่าวว่า เป็นความมคิดของนายสมศักดิ์ เราอาจเห็นไม่เหมือนกัน ตนก็เป็น 1 ในเสียงของคณะกรรมการบริหารพรรค หากเป็นแล้วไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ก็ไม่ควรที่จะเป็น หากเป็นแล้วเสนอแนวคิด หรือคิดเห็นไม่ตรงกันกับเสียงข้างมาก หรืออยู่แล้วไม่สบายใจ ก็ต้องพิจารณาตัวเอง ทุกอย่างที่เสนอไปไม่ได้เสนอเพื่อตัวเอง เสนอเพื่อให้พรรคเติบโตและเป็นสถาบันการเมืองที่แข็งแรง และหัวหน้าพรรคการเมืองมีความสง่างาม
พร้อมมองว่าเป็นเรื่องปกติของพรรคการเมืองใหญ่ที่จะมีการปรับโครงสร้าง เราเองก็เป็นพรรคการเมืองใหญ่ เราต้องมีการปรับเพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่น และทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้
ส่วนหาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ยังเป็นเลขาธิการพรรค แล้ว 6 รัฐมนตรีจะยังคงทำงานร่วมกันได้หรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า แน่นอน คงต้องแยกประเด็นกัน การเลือกตั้งยังเหลือเวลาอีกตั้งปีกว่า แต่เชื่อว่าเมื่อเราปรับสมดุลก็จะสามารถทำงานร่วมกันได้ และทำให้พรรคแข็งแรง ส่วนการปรับครั้งนี้แล้วปัญหาจะยุติหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ พรรคเราตั้งมาใหม่ เรายึดที่หัวหน้า ไม่เหมือนพรรคอื่นที่เขามีสาขา มีหัวหน้าภาค รองภาคต่างๆ ซึ่งพรรคก็ต้องค่อยๆ ปรับหาสมดุลเพื่อให้มีความพร้อม