กางกฎเหล็ก กกต.! “คลิปลับ” คนเพื่อไทยหารือ “ทักษิณ” เข้าข่ายยุบพรรคหรือไม่?

กางกฎเหล็ก กกต.! “คลิปลับ” คนเพื่อไทยหารือ “ทักษิณ” เข้าข่ายยุบพรรคหรือไม่?

หากการกระทำของ ส.ส.เพื่อไทย ที่ปรากฏตาม “คลิปลับ” เข้าข่ายตามมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ จะเข้าล็อคมาตรา 92 (3) ที่บัญญัติว่า เมื่อ กกต. มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการฝ่าฝืนมาตรา 28 ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้นได้

กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กรณี “คลิปลับ” ส่งกันในกลุ่มไลน์ ส.ส. พรรคเพื่อไทย (พท.) ปรากฏภาพนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แกนนำ ส.ส.อีสาน สนทนากับ “โทนี่ วู้ดซัม” หรือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านระบบวีดีโอคอล

นายเกรียง ถามถึงความเป็นไปได้ที่จะให้คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยานายทักษิณ มาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย สู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป เพราะเชื่อว่าหากคุณหญิงพจมานมารับตำแหน่ง จะเป็น “แม่เหล็ก” ดูดลูกน้องเก่า ๆ กลับมาทั้งหมด

อย่างไรก็ดีนายทักษิณ ตอบว่า คุณหญิงพจมานไม่ขอเล่นการเมือง และปราศรัยไม่ถนัด

ขณะเดียวกันนายทักษิณ ยังระบุถึงแนวทางการต่อสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าด้วยว่า มีหลายแนวทาง รับรองว่าแต่ละแนวทาง ส.ส. ที่คิดจะออก รับตังค์เขามาแล้ว ต้องเอาไปคืน

“เที่ยวนี้ต้องชนะแลนด์สไลด์ เพราะว่าชนะธรรมดา มันไม่ให้เป็นรัฐบาลหรอก ถ้าแลนด์สไลด์มันไม่กล้าเป็นรัฐบาล ต้องเอาแลนด์สไลด์ชนิดที่ไม่กล้าเป็นรัฐบาล” นายทักษิณ ระบุ

แม้ว่าปัจจุบันจะมีการลบ “คลิปลับ” ออกจากห้องแชตไลน์ ส.ส.พรรคเพื่อไทยไปแล้วก็ตาม แต่มีหลายคน รวมถึงสื่อมวลชนได้เซฟคลิปดังกล่าวเอาไว้ พร้อมกับตั้งคำถามว่า การที่พรรคเพื่อไทย ไปหารือนายทักษิณ ในลักษณะให้กำหนดทิศทางของพรรค สามารถทำได้หรือไม่?

อ่านข่าว : คลิปลับ! ชง"คุณหญิงพจมาน"คุมพท. "ทักษิณ" โวแลนด์สไลด์ มันไม่กล้าเป็นรัฐบาล

เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2564 นายเกรียง ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ ‘เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand’ ยอมรับว่า เป็นคนเสนอต่อนายทักษิณ ถึงความเป็นไปได้ในการให้คุณหญิงพจมานมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยจริง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่บ้านของนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล (เฮียเพ้ง) อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย 

วันเดียวกัน นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร อ้างว่า มีประชาชนมาร้องเรียนกับ กมธ.ถึงกรณี “คลิปลับ” ดังกล่าวแล้ว โดย กมธ.จะบรรจุเรื่องนี้เข้าวาระประชุม เพื่อขอมติเชิญผู้เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และบุคคลที่ปรากฏในคลิปมาชี้แจง

เช่นเดียวกับนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิก พปชร. ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบหลักฐานและข้อเท็จจริงเพื่อร้องเรียนต่อ กกต. ให้ดำเนินการตรวจสอบว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการครอบงำพรรคการเมืองหรือไม่ด้วย

เงื่อนปมสำคัญกรณีข้างต้นคือ กกต. ต้องตอบให้ได้ว่า นี่เป็นการ “ครอบงำพรรคการเมือง” จากบุคคลภายนอกหรือไม่?

เบื้องต้น ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์ถึง พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. หลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถติดต่อเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวได้
 
กรุงเทพธุรกิจ กางข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องมานำเสนอให้ทราบ ดังนี้

รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 45 บัญญัติว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการรวมกันจัดตั้งพรรคการเมืองตามวิถีทางการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามที่กฎหมายบัญญัติ 

กฎหมายตามวรรคหนึ่งอย่างน้อยต้องมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการบริหารพรรคการเมือง ต้องกำหนดให้เป็นไปโดยเปิดเผยและตรวจสอบได้ เปิดโอกาสให้สมาชิกมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางในการกำหนดนโยบายและการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง และกำหนดมาตรการให้สามารถดำเนินการโดยอิสระไม่ถูกครอบงำหรือชี้นำโดยบุคคลซึ่งมิได้เป็นสมาชิกของพรรคการเมืองนั้น รวมทั้งมาตรการกำกับดูลิให้สมาชิกของพรรคการเมือง กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง

มาตรา 45 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว นำไปสู่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 28 บัญญัติว่า ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการอันใดอันทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม

มาตรา 29 ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม

หากการกระทำของ ส.ส.เพื่อไทย ที่ปรากฏตาม “คลิปลับ” เข้าข่ายตามมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ จะเข้าล็อคมาตรา 92 (3) ที่บัญญัติว่า เมื่อ กกต. มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการฝ่าฝืนมาตรา 28 ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้นได้

เมื่อศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการไต่สวนแล้ว มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคการเมืองกระทำตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมือง และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น

นอกจากนี้ยังมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 108 ด้วยว่า หากผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 29 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น

สรุปคือ หากการกระทำของ ส.ส.เพื่อไทย ตาม “คลิปลับ” เมื่อ กกต. เห็นว่า อาจเข้าข่ายเป็นการ “ครอบงำ” พรรคการเมือง สามารถส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้

หากศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนแล้วมีหลักฐานว่ากระทำผิดจริง จะแบ่งโทษเป็น 2 ส่วน คือ 

“โทษทางการเมือง” นั่นคือ พรรคถูกยุบ และตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรค

“โทษทางอาญา” คือ บุคคลใดมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำให้เกิดการ “ครอบงำ” พรรคการเมือง กกต. จะส่งสำนวนไปยังพนักงานสอบสวน เพื่อส่งต่อไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) ฟ้องต่อศาลอาญา เพื่อพิจารณา หากผิดจริงต้องจำคุก 5-10 ปี ปรับ 1-2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับนั่นเอง

ทั้งหมดคือข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในกรณี “คลิปลับ” ชง “ทักษิณ” ให้ “คุณหญิงพจมาน” มาคุม “พรรคเพื่อไทย”

อย่างไรก็ดีเรื่องทั้งหมดยังไม่เข้าสู่กระบวนการไต่สวน จึงยังต้องรอดูกันต่อไปว่าพรรคเพื่อไทยจะชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้อย่างไร?