อนาคต 'ตู่ - เต้น' 'แกนนำเสื้อแดง' ตกยุค

อนาคต 'ตู่ - เต้น' 'แกนนำเสื้อแดง' ตกยุค

2แกนนำนปช. ที่เคลื่อนไหวทางการเมือง ในยุคที่คนเสื้อแดงเฟื่องฟู ผ่านพบครบทั้งเรื่องสมหวังผิดหวัง บอบช้ำจากการต่อสู้มาไม่น้อย ถึงวันนี้อาจเรียกว่าหมดยุคของการนำม็อบแบบนั้นไปแล้ว เพราะพ.ศ.นี้ มีม็อบของ "กลุ่มราษฎร" เข้ามาแทนที่

นับแต่หลังการรัฐประหาร” 19 กันยายน 2549 ขบวนการเคลื่อนไหว ต่อต้านการยึดอำนาจรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น จนกลายเป็นกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มีฐานมวลชนกว้างขวางโดยเฉพาะภาคเหนือและอีสาน

โดยมีเป้าหมายในการเคลื่อนไหว ต่อต้านผู้ที่ถูกมองว่าเป็นบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารและต่อต้านโค่นล้มรัฐบาลจากพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม พร้อมเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กนอกสภาฯ ให้กับรัฐบาลจากพรรคฝ่ายเดียวกัน

ปฏิเสธไม่ได้ว่า บนเส้นทางการเมืองที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ช่วงเวลานับ 10 ปี หลังปี 2549 เป็นต้นมากลุ่มคนเสื้อแดงหรือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ” (นปช.) ถือเป็นปรากฎการณ์หนึ่งบนหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย

พร้อมๆ กับการถือกำเนิดบนเส้นทางการเมืองของแกนนำคนสำคัญ อย่างตู่จตุพร พรหมพันธุ์ และเต้นณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ขุนพลฝีปากกล้าของทักษิณ ชินวัตรที่แม้ทั้งคู่จะอยู่ร่วมชายคาพรรคไทยรักไทยแต่ความโดดเด่นไม่ชัดเจนเท่ากับบทบาทในการนำมวลชน

ด้วยความสามารถในการปราศรัยของทั้งคู่ มีสำบัดสำนวน ลีลา ลูกล่อลูกชนแพรวพราว ทำให้มีแฟนคลับติดตามจำนวนมาก กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ของคนเสื้อแดงไปในที่สุด

วาทกรรมไพร่-อำมาตย์ณัฐวุฒิ ถือเป็นคนแรกๆ ที่หยิบยกขึ้นมาปราศรัยบนเวทีนปช.” ในช่วงปี 51 จนเป็น วาทกรรมการต่อสู้แห่งยุคสมัย เป็นที่ถูกอกถูกใจของนายใหญ่เป็นอย่างมากไม่ต่างจากวาทกรรมโค่นอำมาตย์

หรือแม้แต่การปราศรัยอันลือลั่น กลางแยกราชประสงค์เผาเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเองก็แสดงให้เห็นถึงฝีปากอันหาญกล้าของชายที่ชื่อณัฐวุฒิ

การนำมวลชนต่อสู้บนถนนของตู่-เต้นได้รับการปูนบำเหน็จอย่างสมน้ำสมเนื้อ โดยณัฐวุฒิเริ่มมีตำแหน่งในรัฐบาลเป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลสมัครสุนทรเวช ซึ่งณัฐวุฒิ ถือเป็นคนหนึ่งที่อดีตนายกฯ สมัครชื่นชมในฝีไม้ลายมือ ก่อนจะขยับขึ้นเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์

ถัดมาในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรณัฐวุฒิได้เป็นส..บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ก่อนที่โชคชะตาจะพัดพาให้ขึ้นชั้นเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ รมช.พาณิชย์ นับเป็นตำแหน่งสูงสุดในทางการเมืองของณัฐวุฒิ

ต่างจากจตุพรที่ได้เป็นเพียง ..บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แต่ไม่เคยได้โอกาสจากทักษิณให้สัมผัสตำแหน่งเสนาบดีสักครั้งในชีวิต หนำซ้ำ ในช่วงนั้น ตัวเองยังต้องหลุดจากเก้าอี้ .. เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าจตุพรไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เพราะถูกคุมขังระหว่างสู้คดีก่อการร้าย จึงส่งผลต่อคุณสมบัติในการรับสมัครส..

หลังรู้ผลจตุพรเคยพูดไว้ประโยคหนึ่งว่า ขอให้คิดว่าชีวิตมนุษย์เราไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ จากความเจ็บปวดครั้งนี้ทำให้เราได้รู้ชีวิตมากขึ้น

แม้ทั้งคู่จะเผชิญคำครหาจากการเป็นแกนนำว่าสู้แล้วรวยหรืออะไรก็ตาม แต่สัจธรรมที่หนีไม่พ้นคือ สิ่งที่เคยทำไว้ ค่อยๆ ย้อนกลับมาหาทั้งคู่ เมื่อคดีความต่างๆ ในชั้นศาลที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทยอยได้รับการตัดสิน

ณัฐวุฒิ-จตุพรต้องวิ่งขึ้นโรงขึ้นศาล และต้องเข้าออกเรือนจำเป็นว่าเล่น อาทิ คดีที่จตุพรเคยต้องโทษกรณีปราศรัยหมิ่นประมาทว่าอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี สั่งฆ่าประชาชน โดยศาลฎีกา ตัดสินจำคุกจตุพร 12 เดือน ไม่รอลงอาญาคดีก่อการร้ายจากการเป็นแกนนำนปช.” ที่ต้องต่อสู้คดีอย่างหนัก ซึ่งท้ายที่สุด ศาลได้ยกฟ้อง

ส่วนณัฐวุฒิที่ต้องโทษคดีบุกบ้านสี่เสาเทเวศร์ ศาลพิพากษา จำคุก 2 ปี 8 เดือน ล่าสุด เพิ่งได้รับการปล่อยตัวตามเงื่อนไขพักโทษเข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติ ติดกำไลอีเอ็ม และห้ามทำผิดซ้ำ

ดังนั้น ถึงจะพ้นจากเรือนจำ แต่ณัฐวุฒิจะออกไปยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมืองในขณะนี้คงไม่ได้ เพราะมีข้อกำหนดในการปล่อยตัวที่ต้องปฏิบัติเคร่งครัด

       ต่างจากจตุพรที่เดินสายช่วยคนที่ทักษิณไม่เอา อย่างบุญเลิศ บูรณุปกรณ์หาเสียงนายกอบจ.เชียงใหม่ อย่างเข้มข้น

        ส่วนอนาคตทางการเมืองของทั้งคู่ อาจไปไกลได้แค่ กองหนุน หรือกองเชียร์ ให้กับพรรคหรือกลุ่มการเมืองใด ไม่สามารถลงสนามเป็นอยู่เล่นตัวจริง กินตำแหน่ง .. หรือรัฐมนตรีได้เนื่องจากคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ 2560” เขียนกันผู้ที่เคยต้องคำพิพากษาจำคุกเข้าสู่การเมือง

นี่เป็นเพียงบางเสี้ยวชีวิตของแกนนำ นปช.” ที่เต็มไปด้วยความโลดโผน พานพบมาแล้วทั้งเรื่องดีและร้าย ประสบพบเจอมาทั้งเรื่องที่เคยคาดคิด และสิ่งที่ไม่เคยคาดฝัน

ขณะที่ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ที่ก่อเกิดม็อบเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา และขยายวงกลายเป็นเครือข่ายแนวร่วมราษฎร แม้ว่ามวลชนคนเสื้อแดงนปช.จะเข้ามาสอดแทรกเป็นแนวร่วม แต่กลับดูเหมือนกลายเป็นม็อบคนละยุค และแม้ นปช.จะยังมีอยู่ แต่แกนนำกำลังกลายเป็นผู้นำมวลชนที่ตกยุคไปโดยปริยาย