มหาดไทย-กกต.-การเมือง ใครดึงเกมเลือกตั้งท้องถิ่น

“วันเลือกตั้งท้องถิ่นนั้น ผมยังตอบไม่ได้ เพราะต้องรอความพร้อมของหน่วยงานทั้งกระทรวงมหาดไทย และ กกต. ที่ต้องประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง”
เสียงจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ชี้แจงต่อวุฒิสภาถึงความคืบหน้าการเลือกตั้งท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ซึ่งเป็นสนามเลือกตั้งที่รอความชัดเจน ภายหลังผ่านเลือกตั้งใหญ่ 24 มี.ค.2562 มาแล้วมากกว่า 1 ปีเต็ม
ขั้นตอนสำคัญที่ พล.อ.อนุพงษ์ อธิบายกับ ส.ว.ต้องรอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) ประกาศรูปแบบการเลือกตั้งท้องถิ่น จากนั้นอยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เป็นผู้ประกาศวันเลือกตั้ง แต่ขณะนี้ กกต.ยังไม่มีความพร้อมด้านการอบรมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเลือกตั้งท้องถิ่น ส่วนกระทรวงมหาดไทย ต้องรอยกระดับฐานะองค์กรท้องถิ่นอีก 5 แห่ง โดยมี 4 แห่งรอการประกาศและอีก 1 แห่งอยู่ระหว่างดำเนินการ
เพียงข้ามวัน จากคำกล่าวหาที่ถูก “พาดพิง” ถึง กกต.เรื่องความไม่พร้อมจัดเลือกตั้ง ทำให้ “ปกรณ์ มหรรณพ” และ “ฐิติเชฎฐ์ นุชนาฎ” 2 กกต.ออกมาโต้แย้งดุเดือด โดยเฉพาะสิ่งที่ กกต.ยืนยันมาตั้งแต่เดือน เม.ย.2563 ถึงความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่น แต่กลับสวนทางกับเอกสารกระทรวงมหาดไทย โดย บุญธรรม เลิศสุขีเกษม รองปลัดกระทรวง เมื่อวันที่ 9 ก.ค.2563 ถึงผู้ว่าฯ นครราชสีมา ระนอง และลพบุรี เพื่อให้เร่งแบ่งเขตเลือกตั้ง กลับเป็น “เอกสารสำคัญ” ที่แสดงว่ากระทรวงมหาดไทย ยังไม่พร้อมสำหรับการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นทั้งหมด
ไม่ใช่แค่หนังสือร้อน 9 เม.ย.2563 เท่านั้น แต่หนังสือจากปลัดกระทรวงมหาดไทย “ฉัตรชัย พรหมเลิศ” ที่ มท.0818.2/ว 4289 ส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ลงวันที่ 22 ก.ค.2563 ยังเป็นเอกสารสำคัญที่บ่งชี้ถึง “ขั้นตอน” อยู่แค่เตรียมเลือกตั้งเท่านั้น ภายหลังสำนักงาน กกต.แจ้งให้กระทรวงมหาดไทย เตรียมพร้อมเลือกตั้งท้องถิ่น โดยกำชับให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2564 ให้เป็น “ค่าใช้จ่าย” ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นไว้ล่วงหน้า
ไม่ใช่แค่จัดสรรงบสำหรับจัดเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว แต่ในคำสั่งยังให้เตรียม “งบประมาณเพิ่มเติม” รองรับ กรณีท้องถิ่นแห่งใดต้องจัดเลือกตั้งภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ตามข้อกำหนดของ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558
แต่ประเด็นสำคัญที่ กกต.ไม่พอใจ จน “ปกรณ์-ฐิติเชฎฐ์” ต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าว โดยไม่แจ้งสื่อมวลชนให้ทราบล่วงหน้า เพื่อโต้แย้ง พล.อ.อนุพงษ์ครั้งนี้ อยู่ที่ “คำท้า” พร้อม “กำหนดวันเลือกตั้ง” หากรัฐบาลจริงใจจะกระจายอำนาจขอให้แจ้งมาภายใน 1 เดือน กกต.จะประกาศวันเลือกตั้งและจัดการเลือกตั้งให้เสร็จเรียบร้อยโดยเร็ว
ยังมีเนื้อหาที่ พล.อ.อนุพงษ์ ชี้แจงต่อ ส.ว.เรื่องขั้นตอนการอบรมเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา 28 เป็นประเด็นที่ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต.ออกมาโต้แย้งถึงขั้นตอนการอบรมกรรมการประจำหน่วย ต้องอบรมก่อนวันเลือกตั้ง ภายหลังมีประกาศวันเลือกตั้ง และมีคำสั่งแต่งตั้งกรรมการประจำหน่วยแล้ว เพราะหากจัดอบรมขณะนี้ แต่มีการแต่งตั้งกรรมการประจำหน่วยเป็นคนละคน จะทำให้เสียเปล่า
ที่สำคัญจำนวนท้องถิ่นทั้งประเทศมากกว่า 7,852 แห่ง เป็นข้อมูลที่ “สมชัย” ชี้ให้เห็นว่า เป็นไปไม่ได้จะเลือกพร้อมกันทุกประเภทในวันเดียวกันทั้งหมด หากท้องถิ่นใดยังยกฐานะไม่เสร็จ ขอให้ทยอยเลือกตั้งท้องถิ่นที่มีความพร้อมไว้ก่อน
เมื่อตรวจสอบข้อมูลจำนวนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ทั้งประเทศ ไปที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย อัพเดทล่าสุดวันที่ 6 ส.ค.2563 พบว่า มี อปท.ทั้งสิ้น 7,850 แห่ง จากเดิม 7,852 แห่ง แบ่งเป็นองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) 76 แห่ง เทศบาลนคร 30 แห่ง เทศบาลเมือง 192 แห่ง เทศบาลตำบล 2,469 แห่ง องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) 5,303 แห่ง อปท.รูปแบบพิเศษ (พัทยา-กทม.) รวม 2 แห่ง
ส่วนความคืบหน้าการแบ่งเขตเลือกตั้งท้องถิ่น กกต. แบ่งเขต อบจ.เสร็จสิ้น 76 แห่งตั้งแต่เดือน เม.ย.2563 แต่ขณะนี้ราชกิจจานุเบกษา ออกประกาศไปแล้วล่าสุด 19 จังหวัด ยังคงเหลือ 57 แห่งรอประกาศจากราชกิจจานุเบกษา ขณะที่การแบ่งเขตเลือกตั้งเทศบาล 3 ระดับ คือ เทศบาลนคร เทศบาลเมือง เทศบาลตำบล ที่กกต.จะแบ่งเขตเลือกตั้งแล้วเสร็จภายในช่วงกลางเดือน ส.ค.2563 เป็นต้นไป
แต่ขณะนี้ยังมีคำถามถึง “ความไม่พร้อม” อยู่ที่รัฐบาล หรือสถานการณ์ทางการเมือง เมื่อทุกปัจจัยทางการเมืองเป็น “ปัจจัย” สำคัญต่อสัญญาณเลือกตั้งท้องถิ่น ที่จำเป็นต้องถึงวาระ “ปลดล็อก” ให้มีการเลือกตั้งทั้งหมด ภายหลังผู้บริหารท้องถิ่น 98,940 ตำแหน่ง ถูกแช่แข็ง “รักษาการณ์” จากคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 1/2557 ตั้งแต่ 25 ธ.ค.2557 จนถึง ส.ค.2563 ยาวนานไม่ต่ำกว่า 5 ปีเต็ม
โดยเฉพาะการ “เก็งข้อสอบ” วิธีคิดจากรัฐบาล จะเลือกปลดล็อกท้องถิ่นแห่งใดให้มีเลือกตั้งเป็นเฟสแรก หลังจากงบประมาณปี 2564 บังคับใช้ ตั้งแต่สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แทน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. ซึ่งอยู่ในตำแหน่งมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ คสช.แต่งตั้งเมื่อ 18 ต.ค.2559 โดยจะอยู่ในอำนาจครบ 4 ปี เทียบเท่าวาระทำงานผู้ว่าฯ กทม.ที่มาจากการเลือกตั้งอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองและคะแนนความนิยม เป็นตัวบ่งชี้ถึงความพร้อมการจัดเลือกตั้งท้องถิ่น อยู่ในอำนาจ พล.อ.อนุพงษ์ หนึ่งในองคาพยพ “3 ป.” ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต วิเคราะห์ถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ล่าช้า มีปัจจัยจากผลกระทบจากโควิดทำให้นำไปสู่การเร่งแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ จึงมีผลกระทบการใช้งบประมาณเพื่อพัฒนาท้องถิ่นต้องระมัดระวังการใช้จ่ายเงิน
นอกจากนี้ ยังมีความไม่นิ่งจากสถานการณ์ทางการเมือง จริงอยู่ว่าการเมืองท้องถิ่นกับการเมืองระดับชาติจะแยกออกจากกัน แต่ในช่วงหลัง การเมืองท้องถิ่นได้เชื่อมโยงแคมเปญจากพรรคการเมืองใหญ่ จึงมีความได้เปรียบและเสียเปรียบจากความเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วย
“ดังนั้นการเลือกตั้งท้องถิ่นที่มีตระกูลทางการเมือง ยังมีความได้เปรียบอยู่มาก ทำให้กระทรวงมหาดไทย ยังไม่ผลักดันการเลือกตั้งท้องถิ่นให้เป็นรูปธรรม ในช่วงหลังจะเห็นตระกูลพรรคการเมืองท้องถิ่นจะย้ายพรรคน้อยมาก ทำให้ผลการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่เปลี่ยนไปจากเดิม ความได้เปรียบเสียเปรียบพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐจึงรู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อม เช่น การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. พยายามเคาะชื่อก็แล้ว แต่กลับเห็นความพร้อมจากผู้สมัครอิสระ และพรรคการเมืองฝ่ายค้านมากกว่า”
ผศ.วันวิชิต วิเคราะห์ไปที่สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หากเป็นชัยชนะของฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล จะทำให้การปลดล็อกเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศจะมีผลตามมาทันที เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นใช้สื่อหาเสียงไม่แพ้การเลือกตั้งระดับชาติ จากนี้จะทำให้ประชาชนสนใจการเลือกตั้งท้องถิ่นมากขึ้น ไม่น้อยกว่าการเมืองระดับชาติ ความได้เปรียบเสียเปรียบในกระแสความนิยมรัฐบาล จึงมีผลต่อการสร้างความเชื่อมั่นของพรรคพลังประชารัฐ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
“ทุกรัฐบาลในอดีต ถ้าได้กระแสดี หรือผู้สมัครสมน้ำสมเนื้อ ไม่เสียราคา เชื่อว่าจะส่งลงเลือกตั้งอยู่แล้ว แต่ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ยังไม่เห็นใครจะมาลงในนามพรรคพลังประชารัฐ เขาขาดแคลนผู้สมัครตรงนี้มาก ทั้งที่ครองอำนาจมายาวนาน และมีผลงานมากมายขนาดนี้ แต่ยังไม่มีตัวแทนมาลงสมัครเลือกตั้งได้”
ขณะที่เดิมพันทางการเมืองในการเลือกตั้งท้องถิ่น ผศ.วันวิชิต เชื่อว่าจะเข้มข้นไม่น้อยไปกว่าการเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค.2562 เนื่องจากหลายพรรคการเมืองเริ่มปูพรมสร้างคะแนนนิยมในท้องถิ่น ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า การเมืองที่จะไปอยู่ที่ศูนย์รวมที่ กทม.จะเล็กลง และท้องถิ่นจะใหญ่ขึ้นจากนี้







