กรมควบคุมโรค ลุยตรวจโควิด-19 เดือนละ 85,000 คน

กรมควบคุมโรค ลุยตรวจโควิด-19 เดือนละ 85,000 คน

กรมควบคุมโรคลุยตรวจโควิด-19 เดือนละ 85,000 คน มุ่งควบคุมโรคระยะยาว

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงการควบคุมโรคในระยะยาว โดยระบุว่า กระทรวงสาธารณสุข จึงได้เพิ่มการเฝ้าระวังเชิงรุก ด้วยการค้นหาผู้ติดเชื้อทั้งในกลุ่มเสี่ยง และสถานที่เสี่ยง จากเดิมที่เน้นเฉพาะการตรวจค้นหาในผู้มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรือคนในครอบครัว เพราะถึงแม้ประเทศไทยจะพบผู้ป่วยโรคโควิด- 19 รายใหม่น้อยลง และรัฐบาลได้ผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ มากขึ้น แต่หากประชาชนหย่อนการป้องกันตนเอง อาจทำให้สถานการณ์กลับมาพบผู้ป่วยระลอกสอง

โดยมอบหมายให้เป็นแนวปฏิบัติสำหรับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพฯ โดยให้อยู่ในอำนาจการตัดสินใจของคณะกรรมการฯ พิจารณาจากสถานการณ์ของพื้นที่เป็นหลัก ซึ่งทางกรมฯ จะสนับสนุนการตรวจด้วยเทคโนโลยีที่ประหยัดมากขึ้น เช่น การตรวจเชื้อในน้ำลายแทนการตรวจจากโพรงจมูก การตรวจโดยการนำตัวอย่างมาตรวจรวมกันในครั้งเดียว 5 ถึง 10 ตัวอย่าง (Pooled Sample) กำหนดค่าเป้าหมายการตรวจไว้ที่ 6,000 คนต่อประชากรล้านคน คาดประมาณการตรวจ 85,000 คนต่อเดือน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

รู้มั้ยมีตรวจโควิด-19 ทีตรวจได้มากกว่าปัจจุบันถึง 5 เท่า

ไทยพบผู้ติดเชื้อ 'โควิด-19' เพิ่ม 3 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้ป่วยสะสม 2,992 ราย

สำหรับประชากรกลุ่มเสี่ยง หมายถึงกลุ่มที่มีแนวโน้มอยู่รวมกันจำนวนมาก เช่น แรงงานต่างด้าวที่อยู่รวมกันในที่พักหรือโรงงาน ผู้ต้องขัง ผู้ต้องกักในศูนย์กักกันคนเข้าเมือง หรือกลุ่มที่มีโอกาสพบปะผู้คนจำนวนมาก เช่น บุคลากรหรือพนักงานต้อนรับประจำรถสาธารณะ อาชีพเสี่ยงอื่น ๆ หรือกลุ่มที่มีแนวโน้มพบปะผู้ป่วยสูง คือ บุคลากรทางการแพทย์ ส่วนสถานที่เสี่ยงได้แก่ ตลาดนัด ศาสนสถาน สถานีขนส่งผู้โดยสาร สถานีรถไฟฟ้า ชุมชนแออัด เป็นต้น

นอกจากนี้ กรมควบคุมโรคได้สำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับโควิด 19 และการเว้นระยะห่าง หรือดีดีซี โพลล์ (DDC poll) 8 ครั้ง ตั้งแต่มกราคม- 5 พฤษภาคม 2563 ในกลุ่มตัวอย่าง 27,843 คนพบว่า การล้างมือด้วยน้ำและสบู่ และแอลกอฮอล์เจลเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหลังการเข้าห้องน้ำก่อนและหลังการรับประทานอาหาร จากครั้งที่ 1 อยู่ที่ 61.2% เพิ่มเป็น 92.7% ในครั้งที่ 8

ขณะที่การสวมหน้ากากอนามัย เมื่อมีอาการเจ็บป่วยเพิ่มขึ้น จากครั้งที่ 1 อยู่ที่ 56.2% เป็น74.6% ในครั้งที่ 8 สำหรับการเว้นระยะห่างทางสังคม พบว่าประชาชนรับรู้ว่าต้องเว้นระยะห่างจากผู้อื่น 1- 2 เมตร เพิ่มขึ้นจาก 72.3% เป็น 94.1%

 

 นอกจากนี้ พบว่าต้องการให้ภาครัฐจัดจำหน่ายหน้ากากราคาถูก มีจุดแอลกอฮอล์เจล บริการและเข้มงวดการคัดกรองผู้ใช้บริการสถานที่สาธารณะต่าง ๆ