'ธีรยุทธ' หวั่น 'วาทกรรม' จุดชนวนวิกฤติ แนะนายกฯ-บิ๊กกองทัพ ปรับบทบาทการเมือง

'ธีรยุทธ' หวั่น 'วาทกรรม' จุดชนวนวิกฤติ แนะนายกฯ-บิ๊กกองทัพ ปรับบทบาทการเมือง

“ธีรยุทธ” หวั่นสร้างวาทกรรมชนวนขัดแย้งรอบใหม่ แนะ "ประยุทธ์-บิ๊กกองทัพ" ปรับบทบาทการเมือง “นายกฯ-ประวิตร” ป้อง “อภิรัชต์” หวังดีต่อบ้านเมือง ด้านรัฐบาล-พปชร.มั่นใจถกร่างพ.ร.บ.งบ 63 วาระแรกผ่านฉลุย “ประวิตร” เชื่อไร้ปัญหาเสียงปริ่มน้ำ

ในการบรรยายพิเศษเรื่อง “ประชาชน พรรคการเมือง ทหารไทย ติดกับดัก ก่อวิกฤติใหม่ประเทศไทย” เนื่องในโอกาศครบ 46 ปีเหตุการณ์ 14 ต.ค. วานนี้ (15 ต.ค.) นายธีรยุทธ บุญมี นักวิชาการอิสระ ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่าน่าเป็นห่วงวิกฤติรอบใหม่ในลักษณะวาทกรรมที่แรงขึ้นไปเรื่อยๆ และจะค่อยๆทำลายคนที่ถูกมองว่าเป็นกลุ่มอื่น หรือคนอื่นที่ละเล็กละน้อย ทั้งนี้เห็นว่าพล.อ. ประยุทธ์มีบารมี และมีฐานพอสมควรหากท่ออกมาพูดด้วยความเป็นผู้ใหญ่ ให้ภาพสงบเรียบร้อย นุ่มนวล ปล่อยวางบางเรื่องบ้างมันจะทำให้ความแรงลดไป

“ขอฝากว่าให้ พล.อ.ประยุทธ์ หรือทหารท่านอื่นๆในกองทัพ ขอให้เป็นเช่นเดียวกับคุณชวน หลีกภัย หรือนักการเมืองชั้นผู้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์บางท่าน ผู้ใหญ่ในวงการสื่อที่เป็นเสาหลักในสังคม ก็น่าจะช่วยกัน” นายธีรยุทธ กล่าว

ส่วนโอกาสในการเกิดรัฐประหารซ้ำตนพยายามติงอยู่ว่าอย่าเอาเรื่องเหล่านี้มาเป็นความขัดแย้งในสังคมที่อาจนำไปสู่อุบัติเหตุที่ไม่มีใครคุมได้หากกระบวนการยุติธรรมเราทำได้ดี ไม่มีการใช้ความเมืองเกินเหตุคิดว่าจะไม่นำไปสู่ปัญหาแรงเกินไป

ป้องอภิรัชต์ห่วงใยบ้านเมือง

ส่วนความเคลื่อนไหวหลังพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) บรรยายพิเศษหัวข้อ “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า ตนเอาสาระสำคัญมาดูแล้วทั้งหมด เห็นว่าเป็นเรื่องของการปลูกฝังความรักชาติ ให้เข้าใจประวัติศาสตร์ว่าบ้านเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการแก้ปัญหาภาคใต้ก็ไม่อยากให้ทุกอย่างเกิดความขัดแย้งหรือทำให้นโยบายเกิดการขับเคลื่อนไม่ได้ต่อไปในอนาคต

เช่นเดียวกับพล.อ.ประวิตรกล่าวว่าตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับ ผบ.ทบ.ส่วนที่มีฝ่ายการเมืองจะนำไปขยายความเห็นว่าทุกคนก็หวังดีกับบ้านเมืองด้วยทั้งนั้น สำหรับกรณีที่มีการร้องสอบเรื่องจริยธรรมในเรื่องการวางตัวไม่เป็นกลางทางการเมืองก็ว่าไป

ขณะที่นายพีรเดช คำสมุทร ส.ส.เชียงราย พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า ที่ประชุมกมธ.มีมติทำหนังสือเชิญ พล.อ.อภิรัชต์) เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านความมั่นคงในวันที่ 21 ต.ค.นี้เพราะหลังจากที่ ผบ.ทบ.ได้บรรยายพิเศษเมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา กมธ.เห็นว่าเรื่องนี้มีความสำคัญและมีความเคลื่อนไหวในโซเซียลมีเดียจำนวนมาก จึงได้ทำหนังสือเชิญ ผบ.ทบ.มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในครั้งนี้

ประวิตร” มั่นใจงบ 63 ผ่านฉลุย

ความเคลื่อนไหวการเตรียมความพร้อมการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ในวาระแรกในวันที่ 17-19 ต.ค.นี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีตัวแทน 10 พรรคเล็กมาหารือที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ตนไม่ได้พบ ไม่เห็นมีใครมาหารือ ส่วนที่นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เดินทางมาทำเนียบฯนั้น ตนไม่เจอ

ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะทำอย่างไรให้การโหวตร่างพ.ร.บ.งบประมาณเป็นไปอย่างเรียบร้อย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคการเมือง วิปคงคุยกัน แต่ทุกอย่างเรียบร้อย ไม่มีปัญหา มั่นใจว่าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯจะไม่มีปัญหา มั่นใจในเสียง มั่นใจทุกอย่าง มั่นใจ พ.ร.บ.งบประมาณฯผ่านร้อยเปอร์เซ็นต์

ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงความพร้อมในการชี้แจงงบประมาณปี63 ต่อสภาว่า เมื่อตั้งงบประมาณไปก็ต้องชี้แจง ว่าจะใช้อย่างไร และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติอย่างไร ซึ่งสภา หรือกรรมาธิการ จะมีความเห็นอย่างไรก็ให้เป็นไปตามกฏหมาย ส่วนงบประมาณ ของกระทรวงมหาดไทย ที่เพิ่มขึ้นมากว่า 25,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าการอภิปรายของฝ่ายค้านนั้นตนตอบไปหมดแล้ว แต่อย่างไรก็พร้อมชี้แจง ทางสภาจะตัด จะตก จะแต่งอย่างไร ก็ดำเนินการ อย่างไรก็ดีงบที่เพิ่มขึ้นเป็นรายละเอียดของทุกกรมที่ต้องชี้แจง ซึ่งในปีนี้มีงบที่เพิ่มไปตามเปอร์เซ็นต์ของทุกหน่วย

ขณะที่น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในที่ประชุมว่า อยากให้ครม.เข้าร่วมทุกคน เนื่องจากหากโหวตไม่ผ่านในสภา รัฐบาลก็จะอยู่ไม่ได้ นอกจากนี้ ในตอนเช้าจะมีการพิจารณาพ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณของกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ด้วยจึงอยากให้ครม.ทุกคนเข้าร่วม

พปชร.ติวส.ส.-ไร้ปัญหาปริ่มน้ำ

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่า เบื้องต้นได้มีการจัดสรรเวลาในการอภิปรายไว้ทั้งหมด 26 ชั่วโมง ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลได้ 10 ชั่วโมง และพปชร.ได้ 3 ชั่วโมง ยืนยันว่าพรรคไม่เคยตีรวน ขัดขวางการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้าน เพราะถือว่าต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ อีกทั้งมั่นใจด้วยว่า เสียงโหวตของรัฐบาลจะเป็นปึกแผ่นและสามารถทำให้ร่างพ.ร.บ.งบประมาณผ่านไปได้ ขณะเดียวกันยังไม่มีการไปพูดคุยกับฝ่ายค้านอิสระให้ช่วยโหวตผ่านงบประมาณเพราะต่างฝ่ายต่างมีจุดยืน

ด้านนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวหลังประชุมส.ส.ว่าเบื้องต้นได้จัดสรรเวลาว่า หลังนายกรัฐมนตรี และรมว.รคลังแถลงเสร็จแล้ว จะให้พรรคร่วมฝ่ายค้านอภิปรายสลับกับพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายละ 15 ชั่วโมง รวมเป็น 30 ชั่วโมง และเมื่อรวมเวลาที่นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง แถลงจะเป็น 32 ชั่วโมง แต่ก็ได้เผื่อเวลาในการประท้วงอีก 3 ชั่วโมง รวมทั้งหมด 35 ชั่วโมง อย่างไรก็ดีพรรคร่วมรัฐบาลต้องพร้อมโหวตตลอดเวลา และขอยืนยันว่า ไม่กังวลเรื่องเสียงปริ่มน้ำ เพราะเพิ่งมีประชุมวิปรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการเตรียมการ และซักซ้อมเพิ่มความเข้าใจมาเป็นอย่างดี

เพื่อไทยยันอภิปรายไม่สาดโคลน

วันเดียวกันพรรคเพื่อไทย ได้เชิญเจ้าหน้าที่จากสำนักงบประมาณ กรมสรรพากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาชี้แจงรายละเอียดของร่างพ.ร.บ.งบประมาณ โดยไล่เรียงเป็นรายกระทรวง

โดยน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุมวิป 7 พรรคฝ่ายค้านว่า จากการหารือฝ่ายค้านเราเห็นว่าการอภิปรายควรจะต้องใช้เวลา 3 วัน แต่ยังไม่ได้ข้อยุติ เนื่องจากทางฝ่ายรัฐบาลต้องการอภิปรายเพียงแค่ 2 วัน ทำให้เรายังไม่เห็นด้วยกับกรอบเวลาดังกล่าว ซึ่งต้องเข้าใจว่าการอภิปรายงบประมาณครั้งนี้มีรายละเอียดมาก มีเอกสารถึง 35 เล่ม กับงบประมาณที่ตั้งไว้ 3.2 ล้านล้านบาทหากได้อภิปราย 2วัน จะเกิดความไม่สอดคล้องระหว่างการทำหน้าที่ในสภาของฝ่ายค้าน ทั้งนี้หลังจากได้ได้เชิญตัวแทนสำนักงบประมาณ มาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับส.ส. จะทำให้ข้อมูลและอภิปรายได้อย่างมีประสิทธิพภาพ เราไม่ตั้งโจทย์ที่จะทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล เราไม่สาดโคลน ไม่สร้างวาทะกรรมเพื่อทำลายล้าง แต่เราจะทำงานด้วยข้อมูล เอาผลประโยชน์ของประเทศ ประชาชน เป็นตัวตั้ง เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนที่ติดตามฟังการอภิปราย

 

เตือนส.ส.โหวตสวนให้สังคมตัดสิน

เช่นเดียวกับนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้ มีผู้เสนอตัวขออภิปรายแล้วทั้งสิ้น 106 คน โดยเป็นของพรรคเพื่อไทย 66 คน พรรคอนาคตใหม่ 33 - 35 คน พรรคเสรีรวมไทย 2 คน พรรคประชาชาติ 2 คน พรรคเพื่อชาติ 1 คน พรรคพลังปวงชนไทย 1 คน พรรคประชาชาติ 2 คน และพรรคเศรษฐกิจใหม่ 1 คน

ยืนยันว่าจะไม่อภิปรายวกวน ซ้ำซาก ซ้ำซ้อน ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ประธานสภาฯ จะไม่ให้เราได้ขึ้นพูด จึงไม่ควรตัดโอกาสในการอภิปรายเพราะการจัดทำงบ 5 ปีที่ผ่านมาไม่มีการตรวจสอบที่สมบูรณ์ ยืนยันว่าจะไม่ย้อนกลับไปพูดเรื่องที่ผ่านมาจนเสียเวลามากเกินไป ส่วนการลงมติในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ต้องมีการหารือในส่วนของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านก่อน แต่แน่นอนว่าการลงมติจะต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้อยากฝากสมาชิกพรรค ซึ่งเข้าใจว่า ส.ส.มีเอกสิทธิ์ในการลงมติ แต่หากใครลงมติสวนมติพรรค เราก็คงต้องเรียกเข้ามาสอบถามให้อธิบายกัน คงไม่มีการลงโทษอะไร คงต้องปล่อยให้สังคมลงโทษ

ส่วนนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า กรณีที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศิวิไลซ์ขอเวลาให้ฝ่ายค้านอิสระได้อภิปรายแยกจากเวลาของฝ่ายค้านและรัฐบาล คิดว่าน่าจะไปตกลงกับฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเพื่อให้ได้ข้อยุติร่วมกัน