"พล.อ.อนันตพร" แนะ ใครโดนบังคับ ให้ร่วมขบวนการ "โกงเงินคนจน" ให้มาสารภาพ จะกันไว้เป็นพยาน เผยผลสอบล็อตแรกเสร็จ มี.ค.นี้
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตเงินอุดหนุนผู้ยากไร้ว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมฯลงพื้นที่ 44 หน่วย ตรวจพบ 15 หน่วยทุจริตและที่เหลือกำลังตรวจอยู่ ได้สั่งย้ายข้าราชการที่เกี่ยวข้องมาช่วยราชการและทำการสอบสวน 30 วัน เมื่อทราบผลจะลงโทษเบื้องต้นก่อน ขณะที่ในระเบียบราชการต้องใช้เวลาถึง 180 วันคิดว่าช้าเกินไป อาจทำให้สังคมมองได้ว่าไม่จริงจัง ดังนั้นหากมีมูลขั้นต้นเชื่อได้ว่ามีมูลความผิด ตนจะมีการกระบวนการลงโทษ เมื่อถามว่า ชัดเจนว่าเป็นขบวนการเดียวกันหมดหรือไม่ พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า เร่ิมชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ตนขอร้องว่าผู้ที่กระทำความผิด ถ้าทำความผิดเองต้องรับผิดชอบตัวเอง แต่ถ้าใครโดนบังคับหรือมีขบวนการให้มาสารภาพ โทษหนักจะได้เป็นเบาจะกันไว้เป็นพยาน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเหล่านี้จะต้องกลั่นกรองเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ เพราะอาจเป็นการพูดเพื่อเอาตัวรอด จึงต้องมีการกรรมการสอบสวน แต่ละกรณีตนจะใช้เวลา 30 วันในการตรวจสอบ ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมี.ค.จะรู้ผลสอบล็อตแรก เมื่อถามว่าเบื้องต้นล็อตแรกพาดพิงไปถึงระดับไหนบ้าง พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า พาดพิงทุกระดับ หากเชื่อมโยงได้มีหลักฐานเชื่อได้ว่าผิดจะมีการลงโทษเบื้องต้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของปลัดและรองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมที่ถูกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีให้ย้ายมาปฎิบัติหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลมีการพาดพิงถึงหรือไม่ พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า มีคนพาดพิงแต่ต้องไปพิสูจน์ก่อน ตนยังไม่เชื่อทั้ง 2 ฝ่าย ทุกคนยังมีโอกาสเป็นได้ทั้งถูกทั้งผิด เมื่อถามต่อว่า ล็อตแรกมีระดับไหนบ้าง พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า ตอนนี้การสอบใกล้เสร็จเต็มทีแล้ว โยงไปถึงระดับไหนดำเนินการหมด หากพูดไปก่อนอาจจะไม่เหมาะสม
เมื่อถามว่า ตรวจสอบพบความผิดเพิ่มเติมมีนำชื่อข้าราชการท้องถิ่น เช่น ภรรยาผู้ใหญ่บ้านหรือกำนันมาเบิกงบฯดังกล่าว พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า การทำงานของศูนย์เหล่านี้ต้องพึ่งท้องถิ่นอยู่แล้ว ท้องถิ่นจะเป็นคนส่งชื่อขึ้นมาที่ศูนย์ก่อนที่ศูนย์จะส่งคนไปตรวจสอบ หากถูกต้องตามหลักการจะมีการจ่ายเงิน แต่ถามว่าร่วมมือกันทุจริตหรือไม่ต้องไปพิสูจน์ และหากพบร่วมกันทุจริตถือว่าร้ายแรงมาก อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องของคนที่ทำไม่ดี หรือถ้ากระบวนการทำงานไม่ดีก็ต้องลงโทษด้วย การทำงานถึงแม้ไม่ใช่ผู้นำตามตำแหน่งหน้าที่หรือผู้นำชุมชนก็ต้องรู้ ถ้าทุกคนบริสุทธิ์ใจงานก็จบ แต่ถ้าไม่บริสุทธิ์ใจก็อาจมีปัญหาเหล่านี้ได้ ทุกองค์กรเป็นอย่างนี้หมด ทางที่ดีควรมีการหมุนเวียนงานให้ทำ
พล.อ.อนันตพร กล่าวว่าสำหรับสถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งบ้านเมตตานครราชสีมาถูกไฟไฟไหม้นั้นไม่ได้ไหม้เอกสารจึงไม่มีผล และกรณีที่ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมตัวเลขผลสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.)กับพม. ไม่ตรงกันนั้น เนื่องจากป.ป.ท.ไม่ได้ขึ้นตรงกับกระทรวง ต่างคนต่างคนสอบ ทำให้ความสัมพันธ์ของเอกสารไปด้วยกันไม่ได้ แต่ขณะนี้พยายามคุยเพื่อทำงานร่วมกัน ต้องยอมรับขั้นตอนการตรวจสอบทางราชการมีความยาก ต้องป้องกันนักการเมืองหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กลั่นแกล้งข้าราชการชั้นผู้น้อย กระบวนดีเพียงแต่ทำการให้การตรวจสอบล่าช้า
พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า สำหรับตัวบุคคลขณะนี้ใครเกี่ยวข้องบ้างเร่ิมชัดเจนขึ้นแล้ว เนื่องจากเร่ิมมีความมั่นใจยอมสารภาพและแจ้งเบาะแส เมื่อถามว่า เจอตอบ้างหรือยัง พล.อ.อนันตพรตอบว่า "ผมใหญ่กว่าตอขุดได้หมดอยู่แล้ว รับรองไม่มีแน่" เมื่อถามว่าจะมีการใช้มาตรา 44 ดำเนินการหรือไม่ พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า ถ้าจำเป็นตนก็ขอนายกฯใช้เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ขอ ต้องคุยกับนายกฯ ก่อนถ้ามีแนวโน้มจะใช้ แค่ความจริงแล้วมีช่องทางอื่นๆ ทำได้ก่อนไปถึงมาตรา 44 ส่วนการสอบในขณะนี้เป็นการตรวจสอบงบปี 60 ก่อนและดูว่าเชื่อมโยงกับปีงบประมาณอื่นด้วยหรือไม่ ส่วนปี 61 ที่อยู่ในช่วงของตนตรวจสอบได้ทันทีอยู่แล้ว
"จากนี้การป้องกันต้องเร็วเพราะได้สั่งการไปแล้ว ส่วนกลางต้องมีคณะกรรมการพิจารณาว่าจะให้เงินจังหวัด และจังหวัดต้องพิจารณารอบคอบ ตนลงไปตรวจพื้นที่จริงเปิดดูการเบิกจ่าย ลายเซ็น ต่อไปหากจ่ายเงินใครเมื่อดำเนินการเสร็จแล้วต้องส่งรายชื่อมาที่ส่วนกลางและอาจเอารายชื่อทั้งหมดประกาศทั้งที่หน่วยงานและผ่านทางเว็บไซต์" พล.อ.อนันตพร กล่าว