ทอท. กางแผน 1 ปี สู่เป้าหมาย TOP 50 สนามบินดีที่สุดในโลก

ทอท. กางแผน 1 ปี สู่เป้าหมาย TOP 50 สนามบินดีที่สุดในโลก

ทอท.มั่นใจปี 2568 ดันเป้าหมาย “สุวรรณภูมิ” ติด TOP 50 สนามบินดีที่สุดในโลก กางแผน 1 ปีจากนี้ ลงทุนเทคโนโลยีบริการผู้โดยสาร เตรียมติดตั้งระบบ CT Scan - Auto Gate และเพิ่มช่องตรวจคนเข้าเมือง พร้อมเร่งสร้างขยายอาคารด้านทิศตะวันออก หวังขยับติด 1 ใน 20 สนามบินดีที่สุดในโลก

นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า การจัดอันดับการให้บริการของสนามบินโดย Skytrax ได้ประกาศ สนามบินที่ดีที่สุดในโลก (World’s Best Airport) ประจำปี 2567 ซึ่งสนามบินสุวรรณภูมิ ติดอันดับที่ 58 ขยับขึ้นจากอันดับที่ 68 โดยขึ้นมา 10 อันดับจากปี 2566 เป็นผลมาจากการพัฒนาบริการสนามบิน รวมไปถึงขยายขีดความสามารถจากการเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1)

“ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาที่ผมรับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ได้พัฒนาบริการผู้โดยสารมาอย่างต่อเนื่อง เพราะมีเป้าหมายในการทำงานเพื่อให้งานบริการผู้โดยสารออกมาดีที่สุด พัฒนาให้การบริการผู้โดยสารได้รวดเร็วขึ้น แก้ไขปัญหาความล่าช้า ก็รอขั้นตอนต่างๆ ในสนามบิน โดยเฉพาะเรื่องขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง และการตรวจเช็คสัมภาระ ซึ่งขณะนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว”

อย่างไรก็ดี โจทย์ของ ทอท.ในการพัฒนาบริการสนามบินในขณะนี้ คือเป้าหมายขยับอันดับไปสู่ 1 ใน 50 สนามบินที่ดีที่สุดในโลกภายใน 1 ปีนับจากนี้ หรือในปี 2568 ซึ่งปัจจุบัน ทอท.ได้ลดขั้นตอนการตรวจค้น และร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อออกแบบขั้นตอนตรวจเอกสารให้รวดเร็วขึ้น รวมถึงเพิ่มเจ้าหน้าที่ ตม.อีกประมาณ 200 คน และในเดือน ส.ค.นี้ จะมีการติดตั้งระบบตรวจคนเข้าเมืองแบบอัตโนมัติแบบสแกนใบหน้า หรือ Auto Gate จำนวน 80 ช่องบริการ พร้อมทั้งขยายบริการรองรับตรวจข้อมูลผู้โดยสารต่างชาติ 91 ประเทศ

ทอท. กางแผน 1 ปี สู่เป้าหมาย TOP 50 สนามบินดีที่สุดในโลก

นอกจากนี้ ทอท.ยังเตรียมลงทุนพัฒนาระบบตรวจสอบสัมภาระที่ใช้เทคโนโลยี CT Scan ติดตั้งในขั้นตอนตรวจเช็คสัมภาระ เพื่อพัฒนาบริการให้รวดเร็วมากขึ้น โดยภายหลังติดตั้งระบบ CT Scan ผู้โดยสารจะสามารถนำของเหลว หรือเครื่องดื่มขึ้นเครื่องบินได้ ซึ่งตอนนี้ ทอท.กำลังจัดหาเครื่องตรวจสอบ CT Scan อยู่ คาดว่าภายใน 1 ปี จะสามารถทยอยเปลี่ยนทดแทนราว 50% เครื่องตรวจสอบที่ใช้อยู่ในปัจจุบันภายในอาคารผู้โดยสารหลักสนามบินสุวรรณภูมิ 

นายกีรติ กล่าวด้วยว่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ทอท.ได้ปรับปรุงบริการผู้โดยสาร เพื่อเพิ่มความสะดวกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขณะนี้ภาพรวมระยะเวลาบริการขั้นตอนต่างๆ รวมเฉลี่ย 37 นาที เฉลี่ยเป็นระยะเวลาตรวจค้น 15 นาที ด่านตรวจคนเข้าเมือง 22 นาที จากเดิมทั้งกระบวนการอยู่ที่ 40-50 นาที ขณะที่มาตรฐานสากลอยู่ที่ 45 นาที แต่แม้ว่าระยะเวลาของกระบวนการดังกล่าวจะดีขึ้นแล้ว ก็ยังไม่ถึงเป้าที่ทางรัฐบาลวางไว้คือขั้นตอนละ 15 นาที ดังนั้น ทอท.มีโจทย์ที่ต้องพัฒนาให้ลดขั้นตอนต่างๆ เพิ่มขึ้น

ทอท. กางแผน 1 ปี สู่เป้าหมาย TOP 50 สนามบินดีที่สุดในโลก

ทั้งนี้ ยอมรับว่าปัจจุบันเรื่องเช็คอินเป็นปัญหาหนักสุด ปัญหาที่เจอคือผู้โดยสารมาเร็ว ส่งผลให้เกิดความแออัด เบื้องต้น ทอท.ได้ประสานสายการบิน ให้เปิดบริการผู้โดยสารเช็คอิน 4 ชั่วโมงล่วงหน้า เพื่อเคลียร์ผู้โดยสารให้เร็วขึ้น โดยปัจจุบันมีการนำร่องไปแล้วหลายสายการบิน เช่น สายการบินไทย ที่เปิดให้เช็คอินตั้งแต่ 6 ชั่วโมงล่วงหน้า และเปิดเคาน์เตอร์บริการตลอด 24 ชั่วโมง 

นอกจากนี้ เร่งรัดให้สายการบินใช้ระบบตู้เช็คอินอัตโนมัติ หรือ Self Check-In ที่สามารถเช็คอินได้ถึง 6 ชั่วโมงล่วงหน้า โดย ทอท.มีเป้าหมายให้ผู้โดยสารรอกระบวนการเช็คอินให้น้อยที่สุด เพื่อให้การบริหารจัดการดีขึ้น ซึ่งปริมาณการใช้ Self Check-In ปัจจุบันอยู่ประมาณ 30% ของผู้โดยสารที่ใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งหากการผลักดันบริการอัตโนมัติเหล่านี้เห็นเป็นผลรูปธรรม ทอท.เชื่อว่าจะทำให้เป้าหมาย 1 ใน 50 สนามบินดีที่สุดในโลก เป็นไปตามที่คาดหวังไว้

ขณะที่เป้าหมายขยับอันดับ 1 ใน 20 สนามบินดีที่สุดในโลก ภายใน 5 ปีนับจากนี้ ทอท.มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการได้ จากแผนพัฒนาขยายขีดความสามารถของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ปัจจุบันกำลังเร่งรัดดำเนินการขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ซึ่งจะเพิ่มพื้นที่อีกไม่น้อยกว่า 60,000 ตารางเมตร ซึ่งจะทำให้ความแออัดภายในสนามบินลดลง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ทันภายในปี 2571 และตอบสนองเป้าหมาย 1 ใน 20 สนามบินดีที่สุดในโลก