'ครูจอมทรัพย์' เก็บตัวเงียบ หลังฟังคำพิพากษาศาลฎีกา

'ครูจอมทรัพย์' เก็บตัวเงียบ หลังฟังคำพิพากษาศาลฎีกา

"ครูจอมทรัพย์" เก็บตัวเงียบหลังฟังคำพิพากษาศาลฎีกา เผยต้องขอพักผ่อน และขอไม่ให้ข้อมูล

เมื่อวันที่ 18 พ.ย.60 หลังคำพิพากษาของศาลฎีกา ที่ศาลจังหวัดนครพนม เมื่อช่วงบ่ายวานนี้วันที่ 17 พ.ย.60 ที่ผ่านมา และศาลฎีกา ได้ยกคำร้อง ที่นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 55 ปี อดีตครูโรงเรียนม่วงไข่ประชาราษฎร์สงเคราะห์ ได้ยื่นขอรื้อฟื้นคดี ตกเป็นผู้ต้องขังคดีขับรถชนคนตายโดยประมาท เนื่องจากหลักฐานที่นำสืบ ไม่ใช่หลักฐานใหม่ ไม่สามารถนำมาหักล้างได้

ล่าสุดวันนี้ (18 พ.ย.60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้าน นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 55 ปี ที่บ้านม่วงไข่ ต.ด่านม่วงคำ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร พบว่า ครูจอมทรัพย์ ยังใช้ชีวิตตามปกติ หุงข้าว ทำอาหาร ที่ครัวหลังบ้าน แต่หน้าบ้านปิดประตูเงียบ ไม่เปิดรับแขกเหมือนที่ผ่านมา สอบถามลูกของครูจอมทรัพย์ ทราบว่า แม่ต้องการพักผ่อน ยังไม่พร้อมจะให้ข้อมูลใดๆ ผู้สื่อข่าวจึงทำได้แต่สังเกตการณ์ที่บริเวณหน้าบ้าน ขณะที่เพื่อนบ้านก็ไม่ให้ข้อมูลอะไรได้ บอกเพียงว่า ไม่รู้รายละเอียดใด

โดยหลังจากศาลจังหวัดนครพนม ได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา ยกคำร้อง ยืนตามคำตัดสินของศาลชั้นต้น และศาลฎีกาเดิม ให้ครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร เป็นผู้กระทำผิดตามคำตัดสินเดิม เนื่องจากมีพยานหลัก ฐานในการดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายที่ชัดเจน และเชื่อได้ว่าครูจอมทรัพย์ เป็นผู้ผิด นอกจากนี้ยังได้พิจารณาว่า ในส่วนของครูจอมทรัพย์นำพยานหลักฐานมาเบิกความต่อศาลในการพิจารณารื้อคดีนั้น ไม่สามารถเชื่อได้ว่าครูจอมทรัพย์เป็นแพะ โดยไม่สามารถนำมาหักล้างพยานหลักฐานเก่าได้ ส่วนการพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น จะต้องเป็นหน้าที่ของหน่วยงานเกี่ยวข้อง คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะต้องพิจารณาดำเนินคดีกับส่วนที่เกี่ยวข้อง หากเป็นการกระทำผิดกฎหมาย