'ดีเอสไอ'เล็งดึงรถจดประกอบสอดไส้ประมูลเป็นคดีพิเศษ!!

"ดีเอสไอ" เล็งขอโอนสำนวนคดีรถจดประกอบ-รถโจรกรรมสอดไส้ร่วมประมูลขายทอดตลาด ขส.ทบ. เป็นคดีพิเศษ คาดค้างในฟรีโซนตั้งแต่ปี 56
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยถึงขบวนการแอบอ้างยื่นเอกสารเท็จประมูลรถขายทอดตลาดของ ขส.ทบ. จำนวน 605 คัน จากทั้งหมด 1,136 คันว่า กรณีดังกล่าวเริ่มจาก ขส.ทบ. เป็นผู้ตรวจสอบพบว่ามีการใช้เอกสารปลอมหรือเอกสารบัญชีรถประมูลขายทอดตลาดของ ขส.ทบ. เพื่อนำรถไปขายทอดตลาดกว่า 600 คัน โดยเป็นการสอดไส้บัญชีรถหรูเข้าร่วมในการประมูล เบื้องต้นคดีดังกล่าวเข้าข่ายเป็นคดีอาญาทั่วไป ฐานปลอมแปลงเอกสารทางราชโดยหลักการยังไม่ถือเป็นคดีพิเศษ แต่ต้องตรวจสอบก่อนว่ามีความเชื่อมโยงอย่างไรบ้าง เท่าที่ทราบพบว่าเป็นกลุ่มไม่ใหญ่มีเจ้าหน้าที่ของ ขส.ทบ. 1 คน ร่วมกับคนนอก และข้าราชการภายนอก ขส.ทบ.จำนวนหนึ่ง
"หลังจากนี้กรมขนส่งทางบกและกรมศุลกากรจะต้องตรวจสอบรถที่ขายทอดตลาดไปแล้วว่าเป็นรถถูกต้องตามกฎหมายหรือรถเถื่อนหรือไม่ ซึ่งจะคล้าย ๆ กับคดีรถหรูที่กรมศุลกากรกำลังตรวจสอบร่วมกับดีเอสไอ ส่วนกรณีดังกล่าวดีเอสไอจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับผู้เสียหายคือขส.ทบ.หรือกรมขนส่งทางบก มายื่นเรื่องทุกข์ที่ดีเอสไอให้รับเป็นคดีพิเศษหรือไม่" พ.ต.ต.วรณัน กล่าว
แหล่งข่าวจากดีเอสไอ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบรถยนต์หรูถูกนำไปสอดไส้ร่วมประมูลกับรถของ ขส.ทบ.โดยขส.ทบ. ยังพบข้อมูลว่ารถที่นำมาสอดไส้ไม่มีที่มาที่ไป เบื้องต้นสันนิษฐานว่ารถจำนวนหนึ่งเป็นรถโจรกรรมและรถจดประกอบที่นำเข้ามาในช่วงปี 2552-2556 แต่ยังไม่สามารถนำไปจดทะเบียนได้ ทางกลุ่มผู้นำเข้าพยายามทุกช่องทางเพื่อยื่นจดทะเบียนรถและนำรถออกขาย ซึ่งสบช่องทางที่หน่วยงานราชการนำรถออกประมูลขายเกือบทุกปี
โดยครั้งนี้มีทหารร่วมกับเจ้าหน้าที่ ขส.ทบ.บางราย ทำเอกสารเท็จไปสอดไส้ในบัญชีการประมูลรถขายทอดตลาดของขส.ทบ. แต่กลับถูกทางต้นทางตรวจสอบพบก่อน เนื่องจากพบพิรุธจำนวนรถมีมากผิดปกติ รวมทั้งประเภทของรถที่นำมาประมูลเป็นรถยนต์หรูที่ทางหน่วยงานไม่ได้ใช้ เช่น รถยนต์โรลรอย์ส เบนซ์ และบีเอ็มดับเบิ้ลยู ทั้งนี้ ในการสอบสวนยังเชื่อว่าสถานที่ที่นำรถไปซุกซ่อนเพื่อรอจดทะเบียนและนำออกขายอยู่ในเขตฟรีโซนต่างๆ หลังจากนี้ดีเอสไอจะประสานขอโอนสำนวนมาสอบสวน เนื่องจากดีเอสไอรับผิดชอบสำนวนรถจดประกอบอยู่ก่อนแล้ว







