นักกีฬากับโซเชียลมีเดีย

นักกีฬากับโซเชียลมีเดีย

“ปอล ลาบีล ป็อกบา” คือนักฟุตบอลที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกด้วยค่าตัวถึง 89 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,450 ล้านบาท)

แต่ช่วงหลังนั้นเรื่องราวที่ป็อกบา ถูกพูดถึงกลับไม่ใช่ค่าตัวของเขา หรือเรื่องราวในสนาม แต่กลับเป็นเรื่องบนโซเชียลมีเดีย


ประเด็นรุนแรงที่สุดคือเมื่อเขาโพสต์วีดีโอซ้อมเต้นกับ “เจสซี ลินการ์ด” เพื่อนตั้งแต่สมัยเยาวชนลงบนโซเชียลมีเดียบ้างก็ชอบ บ้างก็ไม่ และ รุ่นใหญ่อย่าง “ริโอ เฟอร์ดินานด์” ถึงกับออกมาตำหนิว่าถ้าเป็นสมัยเขา เขาจะไม่มีทางโพสต์อะไรอย่างนี้ในขณะที่ทีมตัวเองยังอยู่อันดับ 6 อย่างเด็ดขาด


ส่วน “โชเซ มูรินโญ” บอสของ ป็อกบา ให้ความเห็นถึงคำวิพากษ์ของ ริโอ อย่างชาญฉลาดว่า “เขาที่เพิ่งมาอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่อยู่ในสถานะที่จะวิพากษ์วิจารณ์ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่เป็นถึงระดับตำนานของสโมสรได้”


แม้จะดูเหมือนการลอยตัวอยู่เหนือปัญหา แต่ความจริงผมอยากจะคิดว่า มูรินโญ รู้ดีว่าเรื่องเหล่านี้นั้นละเอียดอ่อนเหมือนที่การให้สัมภาษณ์หลายๆ ครั้ง เขามักจะย้ำว่าการบริหารจัดการทีมฟุตบอลสมัยนี้ กับสมัยยังไม่มีโซเชียลมีเดียนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะในวันนี้ไม่เพียงแต่ในสนามแข่งขันเท่านั้นที่นักกีฬาต้องคว้าชัยชนะมาให้ได้ แต่บนสนามโซเชียลมีเดียก็เป็นอีกหนึ่งสังเวียนสำคัญที่ไม่มีใครอยากแพ้


โดยนักกีฬาที่ทำได้ดีที่สุดในสนามโซเชียลมีเดียคือ “คริสเตียโน โรนัลโด” ที่มีผู้ติดตามในเฟซบุ๊ค เกือบ 120 ล้านคน, บน อินสตาแกรม กว่า 90 ล้านคน และอีกเกือบ 50 ล้านคน บน ทวิตเตอร์ รวมทุกโซเชียลมีเดียกัปตันทีมโปรตุเกสรายนี้มีคนติดตามเขาถึงร่วม 280 ล้านคน นั่นส่งผลโดยตรงให้ค่าจ้างโพสต์ หรือ ทวีตต่อหนึ่งครั้งของ “โรนัลโด” อยู่ที่ประมาณ 260,490 ดอลลาร์ (ประมาณ 9 ล้านบาท)


ขณะที่นักกีฬาที่มีค่าจ้างโพสต์หรือทวีตต่อหนึ่งครั้งแพงเป็นอันดับสองคือ “เลอบรอน เจมส์” ที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 140,119 ดอลลาร์ (ประมาณ 5 ล้านบาท) น้อยกว่าโรนัลโดเกือบครึ่ง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะจำนวนผู้ติดตามของเจ้าของฉายา “เดอะคิง” น้อยกว่าโรนัลโดอยู่เกือบครึ่ง


สิ่งที่น่าสนใจคืออันดับสามนั้นเป็น “เนย์มาร์ จูเนียร์” ที่มีค่าโพสต์อยู่ที่ 139,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.8 ล้านบาท) ต่อโพสต์ ความน่าสนใจมันอยู่ที่ “เนย์มาร์” ไม่ได้เป็นนักเตะที่มีผลงานในสนามโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัดเท่าไหร่ เอาจริงๆ อาจจะสู้ ซัวเรส หรือ เมสซี เพื่อนร่วมทีมเขาเองไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ชีวิตนอกสนามที่มีสีสันไม่ว่าจะเป็นการกินเที่ยวกับ “จัสติน บีเบอร์” นักร้องเพลงป็อบที่ดังที่สุด หรือ การไปดูและถ่ายรูปกับ “สตีเฟน เคอร์รี” นักบาสชื่อดังต่างหากที่ทำให้เขาได้ค่าโพสต์แพงๆ อย่างนี้


เพราะแม้แฟนๆ ส่วนใหญ่จะรู้จักนักกีฬาเหล่านี้จากในสนาม แต่เมื่อเขาตามเข้ามาในสื่อโซเชียลแล้ว หลายคนปรารถนาจะเห็นอะไรที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น เห็นมุมอื่นๆ ที่ใกล้ชิดกว่า เห็นกิจกรรมที่แสดงความเป็นตัวของตัวเอง


อ่านมาถึงตรงนี้ผมไม่ได้ตัดสินว่า “ป็อกบา” ทำถูกหรือผิด แต่แค่เล่าให้ฟังว่านี่เป็นสิ่งที่เขาทำมาตั้งแต่สมัยอยู่ “ยูเวนตุส” โดยคู่หูที่นั่นของเขาเป็น “ปาทริซ เอฟรา” ที่เขาเรียกติดปากว่า “อังเคิลแพต”


ส่วน “มูรินโญ” ผมเดาว่าเขาคงเข้าใจดีว่า ในวันที่การโพสต์ 1 ครั้งบนโซเชียลมีเดีย ขยับเข้าใกล้ค่าเหนื่อย 1 อาทิตย์ที่สโมสรจ่ายให้มาเรื่อยๆ นั้นสิ่งที่ ป็อกบา ทำอาจเป็นเรื่องจำเป็น เพราะวันหนึงเขาก็ต้องเลิกเล่นฟุตบอล แต่เขาไม่จำเป็นต้องเลิกเล่นโซเชียล และจริงๆ แล้วผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกสน่าจะเข้าใจอานุภาพของโซเชียลมีเดียดีที่สุดคนหนึ่ง ไม่งั้นคงไม่มีเหตบังเอิญที่ภรรยาของเขาถ่ายภาพตอนกำลังออกไปดินเนอร์ แต่ดันติดกระดานวางแผนตำแหน่งการเล่นของปีศาจแดงที่มีชื่อ ป็อกบา เป็นตัวหลัก ในขณะที่มีกระแสข่าวว่า เรอัล มาดริด สนใจเข้าร่วมแย่งเซ็นสัญญากับกองกลางทีมชาติฝรั่งเศส


ผมคิดเล่นๆ ว่าถ้าต่อไป “ป็อกบา” เป็นตัวหลักที่พาแมนฯยู ก้าวสู่ความสำเร็จได้อย่างมากมายนั้น... โพสต์ในครั้งนั้นของ “มาทิดเด" ภรรยาของเจ้าของฉายา "เดอะ สเปเชียล วัน" จะมีมูลค่าเท่าไหร่