ยุทธศาสตร์20ปีกกต. พัฒนาเลือกตั้งออนไลน์

ยุทธศาสตร์20ปีกกต. พัฒนาเลือกตั้งออนไลน์

"สมชัย" เผยยุทธศาสตร์ 20 ปีกกต. เปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้งใหม่หมด เตรียมพัฒนาระบบออนไลน์ให้ปชช.สะดวกมากขึ้น

ที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช - นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารกลาง กล่าวบรรยายหัวข้อการบริหารยุทธศาสตร์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้กับหลักสูตรการบริหารงานสำหรับผู้บริหารระดับสูง (กบส.) รุ่นที่ 2 ตอนหนึ่งว่า มี 5 ยุทธศาสตร์สำคัญหลัก ๆ คือ 1 การจัดการเลือกตั้งที่คุ้มค่าและสะดวกต่อประชาชน เพื่อให้ประชาชนสามารถออกเสียงเลือกตั้งได้ทั้งในและนอกประเทศไทย โดยสะดวกรวดเร็ว และมีภาระในการใช้วิธีน้อยที่สุด โดยกกต.เตรียมทำระบบการเลือกตั้งผ่านระบบออนไลน์ ในอนาคตข้างหน้า ซึ่งได้มีประเทศที่ได้ริเริ่มแล้วเช่น จอร์แดน นอร์เวย์ และญี่ปุ่น (โอซาก้า)และยังต้องเพิ่มกลุ่มเป้าหมายให้เช่น ผู้ถูกคุมขังก็สามารถเข้ามาเลือกตั้งได้ และลดอายุผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง สร้างระบบข้อมูลข่าวสารเพื่อประโยชน์ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งจะสามารถทำได้ในระยะเวลา 5 ปี

2.การจัดการเลือกตั้งให้เป็นที่ยอมรับ เพื่อให้นักการเมือง ประชาชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม เชื่อถือในกระบวนการและยอมรับผลการเลือกตั้ง โดยมีกลยุทธ์ เช่น พัฒนากระบวนการจัดการเลือกตั้งที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ พัฒนาระบบสืบสวนสอบสวน สร้างระบบการคัดกรองและกลไกตรวจสอบบุคลากรเลือกตั้งทุกระดับให้สามารถสร้างความน่าเชื่อถือ แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งสามารถทำได้ในระยะเวลา 5 ปี 3.การจัดการเลือกตั้งที่ประชาชนมีส่วนร่วม เพื่อให้ประชาชนภาคเอกชนมีส่วนในการจัดการ กำกับและตรวจสอบการเลือกตั้งในทุกขั้นตอน อย่างมีคุณภาพ กลยุทธ์ เช่น เสริมความรู้และจิตสำนึกความเป็นพลเมืองดีวิถีประชาธิปไตย เพื่อการเลือกตั้งที่สุจริต สร้างกลไกและส่งเสริมสนับสนุนเครือข่ายภาคประชาสังคม ภาคเอกชน ในการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งสามารถทำได้ใน 5 ปี เช่นกัน

4. การส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งให้แก่พรรคการเมืองและองค์กรทางการเมือง เพื่อให้พรรคการเมืองและองค์กรทางการเมือง มีการบริหารภายในที่เข้มแข็งต่อเนื่อง บนพื้นฐานนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม จากการสนับสนุนและมีส่วนร่วม โดยกลยุทธ์ คือ การกำกับตรวจสอบการดำเนินกิจการของพรรคการเมือง ซึ่งใช้ระยะเวลา 5 ปี และในส่วนของประชาชนกับพรรคการเมืองและองค์กรทางการเมือง จะสามารถทำได้ภายในระยะเวลา 10 ปี และยุทธศาสตร์สุดท้าย 5.การพัฒนาองค์การสู่ความเป็นมืออาชีพ เพื่อให้สำนักงาน กกต. มีบุคลากรที่มีสมรรถนะสูง มีระบบงานที่มีประสิทธิภาพ พร้อมสนับสนุนการทำงานของ กกต. โดยกลยุทธ์ คือ การจัดการทรัพยากรมนุษย์เชิงกลยุทธ์ การบริหารจัดการคนเก่งและดี พัฒนาระบบงานให้เป็นองค์การสมัยใหม่ การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้เพื่อการบริหาร รวมทั้งเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ ซึ่งใช้เวลา 5 ปี

นายสมชัย กล่าวว่า ขณะนี้เป็นร่างซึ่งคณะทำงานประกอบด้วยทีมผู้บริหาร ได้ทำเวิร์คช็อปกัน เพื่อให้เห็นตัวร่างของ กกต. ที่จะเกิดขึ้นใน 20 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตามร่างดังกล่าวจะต้องนำเสนอต่อที่ประชุม กกต. ในช่วงเดือนก.พ. เพื่อรับฟังความคิดเห็น หลังจากนั้นจะทำเป็นแผนยุทธศาสตร์ 20 ปีซึ่งจะมีทั้ง 2 ส่วนด้วยกัน 1. สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ 20 ปี รัฐบาล 2.เป็นทิศทางในการกำหนดแนวทางของ กกต.ใน 20 ปีข้างหน้า ซึ่งไม่ว่าใครจะเป็นผู้บริหารก็ตาม ก็สามารถนำแนวทางดังกล่าวมาใช้ในการออกแบบในกรทำงานได้ ซึ่งทิศทางของสำนักงานก็จะมีการ ในแง่การดำเนินการอย่างเป็นระบบ ยืนยันว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการจัดการการเลือกตั้งทางด้านเทคโนโลยี และให้เกิดความน่าเชื่อถือ และเป็นที่ยอมรับของประชาชนมากขึ้น นอกจากนี้ยังต้องเปลี่ยนวิธีคิดต่าง ๆ เกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้งหมด

“เพราะฉะนั้นภาพต่าง ๆ ในยุทธศาสตร์ 20 ปี จึงเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะแตกต่างจากสิ่งที่เป็นอยู่ปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นคนละเรื่องกัน เช่น เราพูดถึงแนวความคิดในการที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันเลือกตั้ง เราจะมีมุมมองที่แตกต่างไปว่า ในวันที่เลือกตั้งประชาชนจะออกมาใช้สิทธิในการตัดสินใจในประเด็นสาธารณะทุกเรื่อง ที่เป็นประโยชน์ของประชาชน และไม่ได้จำกัดแค่การเลือกตั้งระดับประเทศที่ผ่านมา แต่รวมไปถึงการเลือกตั้งในท้องถิ่นทุกอย่างที่ผ่านมา โดยการทำประชามติในคำถามย่อย ที่เป็นประโยชน์ของท้องถิ่น เพราะฉะนั้นในหนึ่งวันที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง อาจจะมีการเลือกตั้งเป็น 10 อย่าง บัตรเลือกตั้งจะหน้าตาเป็นอย่างไร และการนับคะแนนซึ่งเดิมนับด้วยคน ต่อไปจะนับด้วยเครื่องทำให้ได้ผลการตัดสินที่เป็นที่น่ายอมรับ”นายสมชัย กล่าว