'อัศวิน' ตรวจจุดเสี่ยงน้ำท่วมย่านรัชดา

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯกทม. พร้อมผู้บริหารสำนักการระบายน้ำ (สนน.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจแผนระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ ประกอบด้วย จุดที่ 1 ถนนรัชดาภิเษก ฝั่งขาออก บริเวณสะพานข้ามคลองบางซื่อ จุดที่ 2 ถนนรัชดาภิเษก ฝั่งขาออก บริเวณหน้าศาลอาญา และจุดที่ 3 สถานีสูบน้ำรัชดาวิภาวดี

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า กทม.ได้มาตรวจจุดที่เตรียมการแก้ไขปรับปรุงพื้นที่ป้องกันน้ำท่วม ซึ่งพื้นที่รัชดาเป็นที่ลุ่ม เมื่อฝนตกลงมาน้ำจะไหลลงมาบริเวณนี้ ซึ่งอุโมงค์ในจุดนี้จะเสร็จตามสัญญาในเดือนเม.ย. เมื่อแล้วเสร็จจะระบายน้ำออกในพื้นที่ได้เร็วขึ้น โดยสำนักการระบายน้ำจะหาพื้นที่ระบายน้ำเพิ่มเติมในริมกำแพงพื้นที่สวนลุมไนท์พลาซ่า ซึ่งขณะนี้ได้รับอนุญาตจากเจ้าของแล้ว ทั้งนี้ กทม.ต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่า จะแก้ไขปัญหาเรื้อรัง 2 เรื่อง 1.น้ำท่วม และ2.ปัญหารถติดให้ดีที่สุด โดยเรื่องปัญหารถติดจะประสานงานกับทางตำรวจ ส่วนปัญหาน้ำท่วมก็จะทำให้ดีที่สุด ตนเชื่อมั่นว่าภายในฤดูฝนที่จะถึงนี้ น้ำจะระบายได้เร็วขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้จากปริมาณฝนตก 50-60 มิลลิเมตร มีน้ำท่วม 2-3 ชั่วโมง แต่จากนี้กทม.จะพยายามให้เร่งระบายนำ้ออกภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่งกทม.จะเร่งรัดสิ่งต่างๆให้แล้วเสร็จ โดยจะแก้ปัญหาที่เกิดซ้ำซาก เพื่อให้จะระบายน้ำให้เร็วที่สุด

ด้านนายสมพงษ์ เวียงแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กทม. กล่าวว่า ขณะนี้ กทม.ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียในอนาคต จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ 1.โครงการบำบัดน้ำเสียธนบุรี 2.โครงการบำบัดน้ำเสียมีนบุรี 3.โครงการบำบัดน้ำเสียบึงหนองบอน และ4.โครงการบำบัดน้ำเสียคลองเตย สำหรับโครงการบำบัดน้ำเสียธนบุรี เพื่อฟื้นฟูคุณภาพน้ำของคลองชักพระ คลองบางกอกน้อย และคลองบางกอกใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ 4 เขต ได้แก่ เขตบางพลัด บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ และบางส่วนของเขตตลิ่งชัน รวมพื้นที่บริการ 36.44 ตารางกิโลเมตร ความสามารถในการบำบัดน้ำเสีย 160,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยได้ว่าจ้างบริษัทเพื่อสำรวจ ออกแบบระบบรวบรวมน้ำเสีย และระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในขั้นตอนการออกแบบรายละเอียด

“สำหรับการออกแบบระบบบำบัดน้ำเสียของโครงการนี้จะเป็นแบบบูรณาการผสมผสานระหว่างกระบวนการบำบัดน้ำเสียใต้ดิน และใช้พื้นที่ด้านบนเป็นสวนสาธารณะ ซึ่งหากโครงการนี้แล้วเสร็จ นอกจากจะเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบำบัดน้ำเสียของกรุงเทพฯแล้ว ยังจะเป็นการใช้พื้นที่ที่มีจำกัดอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย”นายสมพงษ์ กล่าว