ฝากขังผู้บริหารโอเอ ทัวร์ศูนย์เหรียญ

จากกรณีคณะรัฐมนตรีมีมติให้ดำเนินการปราบปรามธุรกิจทัวร์ศูนย์เหรียญ ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยผ่านตัวแทน (นอมินี) ตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา นั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวานนี้ (13 ก.ย.) นางนิสา โรจน์รุ่งรังสี ประธานบริษัทโอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด และ นายวสุรัตน์ โรจน์รุ่งรังสี กรรมการบริษัทฯ ที่เคยถูกแจ้งข้อหาอั้งยี่ และกระทำการอันจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว หรือนักท่องเที่ยว เมื่อวันที่ 28 ส.ค. พร้อมทีมทนายความและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.พญาไท

โดยในเวลาต่อมา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ( ผบก.ทท.) ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเดินทางมาที่ สน.พญาไท เพื่อควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย และเปิดเผยว่าจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มคือข้อหาฟอกเงิน และระหว่างการสอบสวนหากพบว่ามีความผิดใด ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มอีก คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 สัปดาห์น่าจะส่งให้อัยการฟ้องศาลได้

สำหรับเครือข่ายของบริษัทโอเอฯ ขณะนี้คงไม่มีแล้ว กรณีที่ปปง.มีคำสั่งยึดทรัพย์ แต่ทางบริษัทยังขัดขืนไม่ยอมส่งมอบทรัพย์สินนั้น หากปปง.แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ ก็จะดำเนินคดีในข้อหาขัดขวางเจ้าพนักงานเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ทางปปง.มีคำสั่งยึดทรัพย์และเงินสดของบริษัทโอเอฯ เป็นเงินกว่า 10,000 ล้านบาทแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ได้ควบคุมตัว นางนิสา กับ นายวสุรัตน์ ไปส่งศาลอาญา ส่วนกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวตรวจสอบประวัติ ทั้งประวัติการก่อคดีและการพกพาอาวุธ และจากการตรวจค้นรถตู้ยังพบอาวุธไม้คมแฝก

จากนั้นในบ่ายวันเดียวกัน พ.ต.ท.ธรรมรักษ์ เรืองดิษฐ์ พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ได้ควบคุมตัว นายวสุรัตน์ และนางนิสา 2 แม่ลูก ซึ่งผู้ต้องหาที่ 1-2 ตามหมายจับศาลอาญาลงวันที่ 23 ส.ค.2559 คดีร่วมกันทำผิด พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวฯ จัดทัวร์ศูนย์เหรียญ ขายสินค้าแพง สร้างความเสียหายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและฟอกเงิน ยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 13-24 ก.ย. เนื่องจากต้องสอบพยานบุคคลอีก 40 ปาก และรอผลตรวจสอบข้อมูลทางการเงิน การธนาคารที่เกี่ยวกับการฟอกเงิน รวมทั้งผลการตรวจสอบเส้นทางการเงินระหว่างประเทศ

ค้านประกันตัว 2 ผู้บริหารโอเอ

โดยพนักงานสอบสวน ได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองเกี่ยวพันกับขบวนการนำนักท่องเที่ยวศูนย์เหรียญ จากประเทศจีนเข้ามาในประเทศไทยนับล้านคน โดยมีรถทัวร์พานักท่องเที่ยวมากถึง 2,000 คัน มีเงินหมุนเวียนนับหมื่นล้านบาท ดำเนินการลักษณะปกปิด มีอิทธิพลเหนือผู้ประกอบการรายอื่น พฤติการณ์ขูดรีดขายสินค้าราคาแพง และห้ามผู้ประกอบรายอื่นขายสินค้าชนิดเดียวกันกับผู้ต้องหา ทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยได้รับความเสียหาย

อีกทั้ง ปปง. ได้ยึดอายัดทรัพย์สินในเครือของผู้ต้องหานับหมื่นล้านบาท โดยพยานบุคคล ยังเกิดความเกรงกลัวไม่กล้าหรือหลบเลี่ยง ไม่มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ดังนั้นหากได้รับการปล่อยชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาทั้งสองจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานจนเสียหายต่อรูปคดี อีกทั้งคดีมีอัตราโทษสูงจึงกลัวว่าจะหลบหนี

ศาลพิจารณาคำร้องฝากขัง และสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้

ร้องนายกฯถูกยึดทรัพย์หมื่นล้าน

ขณะเดียวกันนายโอฬาร โรจน์รุ่งรังสี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท รอยัล เจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด พร้อมด้วย นายชาติชาย โรจน์รุ่งรังสี และ น.ส.สายทิพย์ โรจน์รุ่งรังสี สามผู้บริหารบริษัทในเครือ โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด ได้ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีที่ถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีมติอายัดทรัพย์สินกว่าหมื่นล้านบาท

นายโอฬาร กล่าวว่า บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด เป็นบริษัทของคนไทย 100 % ที่ให้บริการขนส่งไม่ประจำทาง ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท ฝูอัน และบริษัท ซินหยวน ซึ่งการดำเนินธุรกิจตลอด 35 ปีที่ผ่านมาได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบมาโดยตลอด และการให้เช่ารถก็เป็นไปตามระเบียบการให้บริการ ดังนั้นการระบุว่า บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต ร่วมกันกระทำความผิดหรือเป็นนอมินีจึงไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม

“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมบริษัท โอเอ ถึงถูกดำเนินการอยู่บริษัทเดียว ทั้งที่ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง มีการเสียภาษีให้รัฐ แต่วันนี้บริษัทถูกอายัดรถทัวร์ ส่งผลกระทบต่อครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่เริ่มไม่สบาย พนักงานเสียขวัญและกำลังใจ” นายโอฬาร กล่าว และว่า บริษัทพร้อมให้การสนับสนุน การปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้บริหารบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต ยังได้ยื่นรายละเอียดยืนยันการก่อตั้งและการดำเนินการของบริษัทประกอบหนังสือร้องเรียนด้วย