เผยผลสุ่มตรวจโครงการอุดกลบบ่อบาดาล พบทุจริตอื้อ

นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)ในฐานะเลขาศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.) แถลงผลการตรวจสอบโครงการอุดกลบบ่อน้ำบาดาลปีงบประมาณ 2552-2558 ซึ่งพบข้อพิรุธและมีเหตุอันควรสงสัยว่าอาจมีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการทุจริตในงานการดำเนินโครงการดังกล่าวของสำนักพัฒนาน้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเป็นงบจากกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ในพื้นที่สำนักป.ป.ท.เขต 4 มีจำนวนบ่อที่ต้องอุดกลบ 1,320 บ่อ สุ่มตรวจจากเอกสารเบิกจ่ายจำนวน 100 บ่อ สุ่มตรวจบ่อ 10 บ่อ สำนักงานป.ป.ท.เขต 5 จำนวนบ่ออุดกลบ 200 บ่อ สุ่มตรวจจากเอกสารเบิกจ่ายจำนวน 200 บ่อ สุ่มตรวจบ่อ 4 บ่อ สำนักงานป.ป.ท.เขต 7 จำนวนบ่ออุดกลบ 300 บ่อ สุ่มตรวจจากเอกสารเบิกจ่ายจำนวน 40 บ่อ สุ่มตรวจบ่อ 5 บ่อ รวมจำนวนบ่ออุดกลบทั้งหมด 1,820 บ่อ สุ่มตรวจจากเอกสารเบิกจ่ายจำนวน 340 บ่อ สุ่มตรวจบ่อ 19 บ่อ

“สำหรับข้อมูลการอุดกลบบ่อน้ำบาดาลตั้งปี 2547-2557 มีจำนวนบ่อที่ต้องอุดกลบทั้งสิ้น 44,271 บ่อ วงเงินงบประมาณ 859,300,100 บาท เฉพาะการเบิกจ่ายงบปี 2557 มีการตรวจสอบพบว่า มีบ่อบาดาลที่ต้องอุดกลบทั้งหมด 4,886 บ่อ และได้รับอนุมัติงบมา 103 ล้านบาท และพบว่ามีการเบิกจ่ายไปแล้ว 99 ล้านบาท ซึ่งแต่ละบ่อที่มีการอุดกลบจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่บ่อละ 16,000-18,000 บาท โดยกรณีนี้ข้าราขการกรมน้ำบาดาลเป็นผู้ร้องให้ป.ป.ท.เข้าตรวจสอบหลังพบเบาะแสการทุจริต” นายประยงค์กล่าว

ด้านพล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี กรรมการป.ป.ท. กล่าวว่า จากการตรวจสอบโครงการดังกล่าวพบว่า น่าจะมีความเสียหาย 90 % เนื่องจากในฎีกาเบิกจ่ายพบว่ามีใบเสร็จค่าน้ำมันเชื้อเพลิงเป่าล้างบ่อ ค่าใบเสร็จน้ำปูนซีเมนต์ในการอุดกลบบ่อบาดาล และใบเสร็จค่าจ้างตัดท่อบ่อน้ำบาดาลถูกทำปลอมขึ้นโดยบริษัทที่มีชื่ออยู่หัวใบเสร็จยืนยันว่าปลอม บางรายให้ข้อมูลว่ามีโรงพิมพ์ติดต่อให้ไปรับใบเสร็จทั้งๆที่ไม่เคยจ้างผลิต นอกจากนี้พบพยานบุคคลให้การยืนยันว่าไม่ได้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปเป่าล้างบ่อตามทีรระบุในใบเสร็จแต่กลับมีการตั้งเบิกเต็มวงเงิน

พล.ต.อ.จรัมพร กล่าวอีกว่า จากการลงพื้นที่สุ่มตรวจในหลายพื้นที่ เช่น ขอนแก่น มหาสารคาม ชลบุรี และนครปฐม พบว่าจะมีปัญหาการทุจริตไม่แตกต่างกัน โดยการอุดกลบบ่อบาดาลตามมาตรฐานจะใช้เวลาทำงาน 2 วัน.แต่ผู้รับเหมาเข้าไปทำงานไม่ถึงครึ่งวัน เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจพิสูจน์ด้วยการขุดบ่อพบว่าความลึกจากขอบบ่อ 70 เมตร แต่ผู้รับเหมาใช้วิธีฝังกลบตบตามีความลึกเพียง 50 เซนติเมตร หลังจากนี้จะเข้าตรวจสอบว่า น้ำปูนซิเมนต์ที่ใช้ในการอุดกลบมีทรายและหินผสมหรือไม่ เพราะตามมาตรฐานต้องเป็นน้ำปูนมอร์ตาร์เท่านั้น ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่เซ็นต์ตรวจรับงานเป็นระดับซี 2 และซี 4 จึงตั้งข้อสังเกตว่าใช้ข้าราชการชั้นผู้น้อยเข้ามารับผิดชอบโครงการที่มีมูลค่า 700,000-800,000 บาท

“นอกจากนี้ยังมีการเบิกเบี้ยเลี้ยงทำงานผิดปกติ ซึ่งการทำงานข้างนอกจะได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงวันละ 240 บาท แต่มีการเบิกเบี้ยเลี้ยงทำงานถึง 70 - 80 วัน ปลอมใบเสร็จเบิกจ่ายค่าน้ำมัน อย่างไรก็ตามในแต่พื้นที่มีบ่อบาดาลที่จะต้องขุดเพิ่มจำนวนมาก เขตพื้นที่ 6 จำนวน 600 บ่อ และเขตพื้นที่ 4 จำนวน 500 บ่อ การตรวจครั้งนี้จึงถือเป็นป้องปรามความเสียหายไม่ให้เกิดซ้ำในปีนี้ ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องในการทุจริตครั้งนี้พบว่ามีตั้งแต่ระดับนายช่างผู้ทำการอุดกลบ (วิศวกร) เจ้าหน้าที่ผู้รับรองการกลบ กรรมการตรวจรับ และผู้ยืมเงินทดรองราชการ ส่วนจะรวมถึงหัวหน้าโครงการหรือผู้อำนวยการโครงการและผู้อำนวยการเขตหรือไม่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ” พล.ต.อ.จรัมพรกล่าว

ด้านนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ตรวจการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) กล่าวว่า ศอตช.ได้แจ้งเตือนให้อธิบดีกรมน้ำบาดาลฯ เก็บเอกสารหลักฐานและส่งมอบเอกสารให้ศอตช.ตรวจสอบ หากพบว่ามีการทุจริตขอให้เรียกเงินคืนจากผู้รับผิดชอบทั้งหมด นอกจากนี้ยังทำความเข้าใจถึงแนวทางการตรวจสอบโครงการอุดกลบน้ำบาดาลเพื่อให้นำกลับไปแก้ไขไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนในการเบิกจ่ายงบประมาณปี58 ในปีนี้ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องแหล่งน้ำจึงต้องใช้การบริหารจัดการงบประมาณที่ดี ทำให้นายกฯเป็นห่วงมาก ความเสียหายครั้งนี้ตรวจพบในกรมน้ำบาดาลฯซึ่งศอตช.พบว่ากรมทรัพยากรน้ำก็ใช้วิธีการในรูปแบบเดียวกัน ดังนั้นจึงต้องขยายการตรวจสอบไปยังโครงการของกรมน้ำฯด้วย โดยในวันที่ 28 เม.ย.นี้ ตนจะลงพื้นที่พร้อมกับพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบโครงการอุดกลบบ่อบาดาลใน จ.สกลนคร

ด้านพล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า.ในวันนี้ ศอตช.ได้เชิญอธิบดีกรมน้ำบาดาลฯ เข้ารับฟังผลการตรวจสอบโครงการอุดกลบบ่อบาดาล และกำชับให้นำไปแก้ไขปรับปรุงไม่ให้เกิดการทุจริตซ้ำอีก โดยมีการอธิบายขั้นตอนการตรวจสอบอย่างละเอียดในทุกขั้นตอน ทั้งนี้เพื่อให้ผู้รับผิดชอบนำไปกำหนดขั้นตอนในการตรวจรับงานจากผู้รับเหมาโครงการ