ถอดรหัส 'ชินดาวงศ์' จากมุมมอง 'พล.อ.ชวลิต'

ถอดรหัส 'ชินดาวงศ์' จากมุมมอง 'พล.อ.ชวลิต'

"ชินดาวงศ์"จากปากของพล.อ.ชวลิต น่าตีความและเจาะลึกยิ่งนัก เพราะสามตระกูลนี้ คือคีย์แมนตัวจริง-เสียงจริงในการบริหารพรรคเพื่อไทย

“การทำงานการเมืองของผมนั้น ไม่เคยเกี่ยวข้องกับผู้ใด และไม่เคยไปเกาะหรืออาศัยเงินทองใดๆ แต่ที่ต้องบอกเพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นสอดรับกัน ที่ผมออกจากพรรคเพื่อไทยมา เพราะสมัยนั้นผมกับนายเสนาะ เทียนทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้สไกป์พูดคุยกับนายทักษิณ ชินวัตร และพบว่านายทักษิณจะนำ “ชินดาวงศ์” (ชินวัตร , ดามาพงศ์ , วงศ์สวัสดิ์)เข้ามา ซึ่งผมไม่เห็นด้วยจึงลาออกจากพรรค (สมัครเข้าพรรคเพื่อไทยปี2552-ลาออกปี2554)ส่วนเรื่องจะพานายทักษิณกลับประเทศนั้น ผมไม่สนใจ เพราะเห็นว่ายังมีความขัดแย้งอยู่ และผมไม่ใช่คนที่จะนำนายทักษิณกลับมาได้”  

นี่คือบางส่วนของการแถลงข่าวครั้งล่าสุดจากบ้านปิ่นประภาคมของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาแถลงข่าวสถานการณ์การเมืองและบ้านเมือง รวมทั้งความเคลื่อนไหวล่าสุดของ”คนไกลบ้าน”ที่ส่งสัญญาณบางอย่างมาจากสหรัฐอเมริกา 

ความขัดแย้งดังกล่าวที่บิ๊กจิ๋วระบุนั้น ตีความได้ไม่ยากเลยว่า “ใคร..คือความขัดแย้ง”และใครจะเป็น”คนที่จะนำนายทักษิณกลับมาได้”เพราะบิ๊กจิ๋วบอกชัดเจนว่า “ผมไม่ใช่คนที่จะนำนายทักษิณกลับมาได้”

มองกันแบบลึกๆแล้ว แสดงว่า ทักษิณเชื่อ”อะไรบางอย่าง”ที่อาจจะช่วยเหลือให้กลับประเทศไทยได้ในอนาคตอันใกล้ แต่บิ๊กจิ๋วกลับไม่มองแบบนั้นและยังย้ำประโยคว่า”ความขัดแย้งยังอยู่” 

หากตีความนัยยะนี้ในมุมมองของบิ๊กจิ๋ว แสดงว่า”ทักษิณ”คือปัญหาหลัก หากพรรคเพื่อไทยยังเดินหน้าตามนโยบาย”พานายใหญ่กลับบ้าน”เป็นธงหลักนั้น น่าจะยากลำบากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา

สมมติว่าหลังการเลือกตั้งครั้งใหม่ พรรคเพื่อไทยยังเพียรพยายามที่จะใช้แนวทางนี้ต่อ ไป ...บทเรียนจากกปปส.และการยึดอำนาจ22พ.ค.2557หรือเหตุการณ์19ก.ย.2549นั้นน่าจะเป็นตัวอย่างสำคัญที่อาจจะเลี้ยวกลับมาอีกคราวบนถนนการเมืองและอาจจะทำให้คนไกลบ้านลำบากกว่าเดิม 

ช่วงหนึ่งที่คนไกลบ้านครองตำแหน่งสร.1นั้น หนึ่งในความปราถนาสูงสุดคือ “เป็นนายกฯ20ปี และวันหนึ่งจะเป็นรัฐบุรุษ” ประโยคนี้ที่หลุดออกมานั้น อาจทำให้ชะตาชีวิตของคนไกลบ้านและคนแวดล้อมตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้ 

”ชินดาวงศ์”จากปากของบิ๊กจิ๋ว น่าตีความและเจาะลึกยิ่งนัก เพราะสามตระกูลนี้คือคีย์แมนตัวจริง-เสียงจริงในการบริหารพรรคเพื่อไทย บทบาทสำคัญของคนในสามตระกูลนี้จึงมีน้ำหนักทางการเมือง รวมทั้งทางรอดของคนไกลบ้าน แม้ช่วงนี้หลายชีวิตของสามตระกูลนี้กำลังไต่บนเส้นลวดจากหลายคดีที่อยู่ในการพิจารณาของกระบวนการยุติธรรม 

ฉะนั้น..ใครคือนอมินีที่จะมาทำหน้าที่แทน”ชินดาวงศ์” 

ครั้งหนึ่งคนไกลบ้านเคยใช้บริการนอมินีที่ชื่อ”สมัคร สุนทรเวช”เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน แม้ครั้งนั้นจะมีเลขาธิการพรรคคือนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ซึ่งเป็นคนในคอนโทรลของนายใหญ่ ยามนั้น “สมัคร”ช่วยอำนวยความสะดวกให้คนไกลบ้านได้กลับประเทศหลังตระเวนไปต่างบ้านต่างเมืองระยะหนึ่ง แต่อำนาจในการบริหารบ้านเมืองนั้น “สมัคร”มิได้ดำเนินการตามความต้องการของบ้านจันทร์ส่องหล้ามากนัก 

"คุณหญิงไม่ต้องกังวลกับการบริหารงานของรัฐบาล พักผ่อนเถอะครับ ผมบริหารงานของผมได้”อดีตส.ส.พรรคพลังประชาชนเผยคำพูดของคีย์แมนรัฐบาลพลังประชาชนกับสตรีนางหนึ่งที่อยู่หลังม่านการเมืองไทยในช่วงปี2551 คำพูดนี้แม้เหมือนไม่มีอะไร แต่ความจริงแล้วมันสะท้อนว่า”แก๊งออฟโฟร์”ในยามนั้นทรงพลังยิ่งนักและแทบไม่สนใจคำร้องขอจาก”บ้านจันทร์ส่องหล้า”เลย

ตรงนี้เองที่เมื่อ”สมัคร”พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว คนไกลบ้านมองเห็นบทเรียนจากการใช้”คนอื่น”จึงวกกลับมาใช้คนในสังกัด”ชินดาวงศ์”เพื่อที่จะกดปุ่มต่างๆได้ดั่งใจ

คนการเมืองบางส่วนมองอนาคตหลังมีการเลือกตั้งว่า อย่างไรเสียพรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคอันดับหนึ่งที่มีจำนวนส.ส.มากสุด และมีโอกาสเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลแน่นอน รอเพียงว่าจะมีเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งหรือไม่เท่านั้น 

แต่แม่ทัพที่จะนำอดีตส.ส.ลงสมัครหลังฟ้าเปิด หลายคนในวงการการเมืองคาดกันแล้วว่า”น่าจะเป็นคนที่ใกล้ชิดนายใหญ่ที่สุด แม้ว่านายหญิงจะไม่ปลื้ม”ก็ตาม ขณะเดียวกันก็มีการโยนชื่อใครบางคนที่สานสัมพันธ์กับตำรวจ-ทหารได้มาประกบ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด 

การออกตัวครั้งนี้ของอดีตขงเบ้งแห่งกองทัพ แม้บางฝ่ายจะมองว่า “เป็นความเห็นจากสิ่งชำรุดทางการเมือง” แต่มันก็อดวิเคราะห์ไม่ได้ว่า หากทักษิณยังคงเดินเกมแบบนี้และใช้คนในแวดวง”ชินดาวงศ์”ต่อไปนั้น

ความฝันในการกลับบ้านน่าจะทอดนานออกไป จนแทบไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายทาง