‘ฮุนเซน’โชว์ 4 ยุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจกัมพูชา

‘ฮุนเซน’โชว์ 4 ยุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจกัมพูชา

“ฮุนเซน”โชว์ 4 ยุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจกัมพูชา พร้อมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเออีซี-เปิดทางทุนต่างชาติ-แก้ระเบียบเอื้อลงทุน-พัฒนาคนรองรับ

วานนี้(18 ธ.ค.) สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงาน “Thailand-Cambodia Business Forum” จัดโดยคณะกรรมการร่วม 3 สถาบัน (กกร.)โดยมีนักธุรกิจไทย และนักธุรกิจกัมพูชา เข้าร่วมงาน ประมาณ 300 คน 

การกล่าวปาฐกถาในครั้งนี้ของสมเด็จฯฮุน เซน ถือเป็นครั้งแรกที่ได้ประกาศยุทธศาสตร์การค้าการลงทุนกับเอกชน โดยภาคเอกชนมีความมั่นใจในนโยบายและเห็นว่าการลงทุนในกัมพูชามีความน่าสนใจมากขึ้น

สมเด็จฯ ฮุน เซน กล่าวว่าในโอกาสฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทยกัมพูชาครบ 65 ปี กัมพูชาพร้อมต้อนรับเอกชนไทยที่สนใจเข้าร่วมการลงทุนในกัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ โดยมีอัตราขยายตัวของจีดีพีเฉลี่ยปีละ 7.7% ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้ธนาคารโลกจัดว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่มีอัตราขยายตัวสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก 

ทั้งนี้ ปี 2558 จีดีพีกัมพูชาจะขยายตัว 6.9% มีรายได้ประชากรเฉลี่ยที่ 1,228 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน ส่วนปี 2559 คาดว่าจีดีพีจะขายตัว 7% มีรายได้ประชากรเฉลี่ยที่ 1,325 ดอลลาร์ต่อคน และตั้งเป้าว่าจะควบคุมอัตราเงินเฟ้อไม่ให้เกิน 5% ต่อปี โดยปี 2558-2559 เงินเฟ้อจะอยู่ที่ 3% ส่วนอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4,050 เรียลต่อดอลลาร์ 

ขณะที่การลงทุนจากต่างประเทศโดยตรง (FDI) มีมูลค่า 4.6 พันล้านดอลลาร์กระจายตัวอยู่ในอุตสาหกรรม 4 สาขาหลักได้แก่ สิ่งทอ เกษตรแปรรูป ก่อสร้าง และท่องเที่ยว โดยรัฐบาลตั้งเป้าที่จะให้มีการเพิ่มสาขาการลงทุนให้มากขึ้นกว่าที่มีอยู่

“การเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาไม่สามารถตัดออกจากภูมิภาคได้ กัมพูชาต้องการประสานการเป็นหุ้นส่วนร่วมกันอาเซียนและประเทศอื่นๆนอกภูมิภาค จึงมีเศรษฐกิจแบบเปิดผ่านการมีมาตรฐานการค้าและการลงทุนที่มุ่งพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ผ่านยุทธศาสตร์ 4 ด้าน”สมเด็จฯ ฮุน เซน กล่าว

1.การเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิตแห่งภูมิภาคภายใต้การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหลังการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งจะทำให้อาเซียนมีฐานการผลิตเดียวกันและเป็นโรงงานของโลกขณะเดียวกันก็มีขนาดตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลกในปี 2573

2.การเดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมที่กำหนดให้มี 2568 จะเดินหน้าไปสู่การยกระดับการพัฒนาการลงทุน ผ่านแนวทางทำงานได้แก่ การดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มและเอกชนในประเทศ รวมถึงผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (SMEs)ให้มีการปรับปรุงและสร้างพื้นฐานทางอุตสาหกรรม

3.การดัดแปลงและแก้ไขสิ่งแวดล้อมและบรรยากาศเพื่อนำไปสู่การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน การลดค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจ และ 4. การพัฒนาบุคลากร การอบรมวิชาชีพ รวมถึงการพัฒนาระบบขนส่งและโลจิสติกส์ โครงสร้างพื้นฐาน ด้านสังคมและการเงินการธนาคาร

เปิดกว้างลงทุนจากทุกประเทศ

“ยุทธศาสตร์ดังกล่าวเพื่อปกป้องรักษาการลงทุนที่มีอยู่แล้ว และขยายกิจกรรมด้านการลงทุนซึ่งไม่เพียงการดึงดูดทุนขนาดใหญ่เท่านั้น แต่พร้อมส่งเสริมทุนจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้วย ทั้งนี้ กัมพูชา กำลังสร้างขีดความสามารถการแข่งขันให้กับเอกชนกัมพูชาเพื่อให้ก้าวไปสู่ทั้งระดับภูมิภาคและระดับโลกได้ อย่างไรก็ตาม ยุทธศาสตร์ดังกล่าวจะไม่ประสบความสำเร็จหากไม่ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนซึ่งจะมีส่วนในการช่วยกันแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆที่มีอยู่” สมเด็จฯ ฮุนเซน กล่าว

ทั้งนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชาเปิดกว้างสำหรับการลงทุนไม่ว่าจะเชื้อชาติใด ไม่เฉพาะแต่กัมพูชา แต่ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ ก็เปิดกว้างสำหรับสาขาการลงทุนไม่ว่าจะเป็นประกันภัย การธนาคาร โทรคมนาคม แม้ว่าหลายประเทศจะไม่ได้เปิดรับการลงทุนในสาขาดังกล่าวก็ตาม และเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเอกชนไทยที่จะได้เข้าไปลงทุนในกัมพูชา ซึ่งมีสภาพทางสภาพค้าและการลงทุนเหมือนกับไทยก่อนหน้านี้ ซึ่งเอกชนไทยได้เคยทำให้ประสบความสำเร็จมาแล้ว

สมเด็จฯฮุนเซน กล่าวอีกว่า ไม่อยากให้มองกัมพูชาว่าเป็นการลงทุนเพื่อตลาด 15 ล้านคน แต่ควรมองไปว่ากัมพูชาเป็นตัวเชื่อมของตลาดกลุ่มอนุลุ่มแม่น้ำโขง หรือ GMS ที่มีประชากร 326 ล้านคน และเป็นตัวเชื่อมกับตลาดอาเซียน ที่มีประชากร 630 ล้านคน

ลงนาม-แถลงการณ์ร่วม4ฉบับวันนี้

สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-กัมพูชาวันนี้ (19 ธ.ค.) สองฝ่ายจะได้หารือถึงความร่วมมือเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ การเปิดด่านชายแดนสากลใหม่ การพัฒนาแรงงาน และความร่วมมือด้านเกษตรแปรรูป ซึ่งเป็นอีกความร่วมมือของสองรัฐบาลในการพัฒนาร่วมกัน

ชี้แนวโน้มดีจากท่าทีรัฐบาลกัมพูชา

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า ทั้ง 4 ภาคอุตสาหกรรมของกัมพูชา โดยส่วนใหญ่แล้วเอกชนไทยได้เข้าไปลงทุนเกือบหมด ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีที่กัมพูชาแสดงท่าทีพร้อมรับกับการลงทุนรูปแบบใหม่ๆในเบื้องต้นเอกชนไทยสนใจการลงทุนเรื่องพลังงาน

ทั้งนี้ สองประเทศมีแนวทางพัฒนาที่เหมือนกันว่าด้วยการเชื่อมโยงเข้ากับห่วงโซ่การผลิตของภูมิภาคและของโลก ซึ่งควรนำประเด็นเหล่านี้มาใช้ในการพัฒนาโดยดึงข้อดีสองฝ่ายร่วมกัน

หอการค้าชี้น่าสนใจลงทุน

นายนิยม ไวยรัชพานิช รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า กัมพูชาเป็นตลาดที่เหมาะกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่จะเริ่มต้นออกไปลงทุนในต่างประเทศ และการที่ผู้นำของกัมพูชา มีท่าทีต้อนรับนักลงทุนอย่างชัดเจนก็สร้างความมั่นใจได้และทำให้การลงทุนมีความน่าสนใจขึ้น

อย่างไรก็ตาม เห็นว่าเพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติจริงผู้นำไทยเองควรนำผู้ประกอบการไปเยือนกัมพูชาด้วย

นายนิยม กล่าวว่านโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ เห็นว่า สองฝ่ายควรหันมาร่วมมือกันโดยกำหนดกฎระเบียบเดียวกันลดปัญหาการแข่งขันการดึงการลงทุนเนื่องจากฝั่งกัมพูชาได้มีเขตเศรษฐกิจพิเศษอยู่ก่อนแล้วหากไทยไม่ปรับบทบาทอาจกลายเป็นการแข่งขันกันเองแทนที่จะสร้างประโยชน์ร่วมโดยหากเป็นทุนที่ยังต้องการเข้าถึงตลาดผ่านสิทธิพิเศษทางภาษีต่างๆก็ให้ไปลงทุนฝั่งกัมพูชา ขณะที่ทุนที่ต้องการเทคโนโลยีชั้นสูงก็สามารถเลือกมาลงทุนฝั่งไทยได้ภายใต้กฎระเบียบเดียวกัน

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจและแถลงการณ์ร่วมจำนวน 4ฉบับ ได้แก่ 1 แถลงการณ์ร่วม บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรบ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท 2.สะพานข้ามแดนและถนนเชื่อมโยง 3.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน 4. ข้อตกลงว่าด้วยการจ้างงานไทย-กัมพูชา

หารือเต็มคณะไทย-กัมพูชา

สำหรับ พิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการวานนี้ (18 ธ.ค.) โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสม ที่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า

ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่านายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ไทยและกัมพูชาที่ครบ 65 ปี บนพื้นฐานของการพึ่งพาและผลประโยชน์ร่วมกัน และพร้อมที่จะยกระดับสู่ความเป็นหุ้นส่วนต่อไป และขอให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนอย่างสม่ำเสมอ 

เพื่อร่วมเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 65 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ รัฐบาลไทยและกัมพูชา รวมถึงภาคประชาชนจะร่วมกันจัดกิจกรรมและการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตร ระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรีไทยจะมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นผู้แทนพิเศษนายกรัฐมนตรีร่วมงาม โดยนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เสนอให้มีถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลนัดดังกล่าวทั้งไทยและกัมพูชา เพื่อร่วมเป็นสัญลักษณ์ความผูกพันระหว่างประชาชนของสองประเทศร่วมกันด้วย

ด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีไทยและกัมพูชาเห็นชอบร่วมกันในการผลักดันเป้าหมายขยายปริมาณมูลค่าการค้าและการลงทุนของสองประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ในช่วง5 ปีข้างหน้า ซึ่งปัจจุบันทั้งสองประเทศมีมูลค่าการค้ารวมประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์ โดยจะเชื่อมโยงกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการเชื่อมโยงระหว่างเขตเศรษฐกิจพิเศษ จ.สระแก้ว- จ.บันเตียเมียนเจย การอำนวยความสะดวกด้านศุลกากรและการเพิ่มปริมาณการเดินรถ การเชื่อมโยงทางบกและเส้นทางรถไฟ เพื่อมีส่วนผลักดันให้ปริมาณการค้าสินค้าของสองประเทศเพิ่มมากขึ้นได้