เตือนผู้ประกอบการอย่าเอาเปรียบนักท่องเที่ยว

เตือนผู้ประกอบการอย่าเอาเปรียบนักท่องเที่ยว

" พล.ต.ท.ฐิติราช "เตือนผู้ประกอบการอย่าเอาเปรียบนักท่องเที่ยว เตรียมคุมเข้มถือเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ

ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก)-พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผบช.ก. พร้อมด้วย พ.ต.อ. ศุภพล อรุณสิทธิ์รั กษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว (รรท.ผบก.ทท) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. บก.ปอท. บก.ปคบ. พ.ต.อ.เกรียงศักดิ์ กัลป์ยาวัฒนเจริญ ผกก.1 บก.ปอศ. พ.ต.ท.บวรภพ สุนทรเลขา สว.ส.พท.2 กก.1 บก.ทท. พ.ต.ต.ศิลา ตันตระกูล สว.งานสืบสวน กก.1 บก.ทท. รวมทั้งหน่วยงานนอกหน่วยคือ สคบ. และสำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยว กรมการท่องเที่ยว แถลงข่าวการดำเนินการของกลุ่มบุคคลที่มี พฤติกรรมหลอกลวงนักท่องเที่ยวไปร้านอัญมณี (Jewelry Scam) จากกลุ่มไกด์เถื่อน ส่งขึ้นรถตุ๊กตุ๊ก และนำไปซื้อของ อาทิ อัญมณี รายการทัวร์ หรือ ตัดสูทในราคาที่แพง โดยกลุ่มเหล่านี้จะห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยว เที่ยวในสถานที่ต่างๆ โดยอ้างว่า สถานที่นั้นๆปิด เช่นวันนี้วัดพระแก้วปิดวัดโพธิ์ปิด โดยมีการดำเนินการปฏิบัติการนำหมายค้น เข้าทำการตรวจค้น ร้านอัญมณีในเครือข่าย 3 ร้าน ย่านดุสิต ร้านขายรายการทัวร์ 1 ร้านตัดสูท 1 ร้าน เพื่อตรวจสอบสินค้าและความถูกต้องของใบกำกับภาษี โดยเบื้องต้นพบความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค และร้านส่วนใหญ่ไม่มีใบกำกับภาษี และได้ทำการตรวจยึดเอกสารทางการเงินจากร้านเหล่านี้มาด้วย

พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ โดยมีการซื้อขายสินค้าอย่างไม่ถูกต้องสมเหตุ สมผล นำสินค้ามีตำหนิมาจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เมื่อนำมาคืนก็ไม่รับคืน ชาวต่างชาติ ที่สำคัญเป็นพวกร้านอัญมณี ซึ่งทำให้เสียภาพพจน์ของการท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวได้สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินในภาพรวมไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ให้พึงระวังไว้ว่าต่อไปนี้ บช.ก.และตำรวจท่องเที่ยวจะไม่ละเว้น จะต้องเจอกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและภาษีย้อนหลัง

พ.ต.อ.ศุภพล กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนให้การท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเป็นจำนวนมาก แต่ก็มีอุปสรรคในเรื่องมีผู้ไม่ประสงค์ดีเห็นแก่ผลประโยชน์ไปหลอกลวงนักท่องเที่ยว ทำให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมการมท่องเที่ยว โดยลักษณะของการหลอกลวง จะมีการให้คนไปยืนดักรอกนักท่องเที่ยว ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จากนั้นจะบอกว่าทางสถานที่นั้นๆปิดทำการ และเสนอว่าจะพาไปในที่ซึ่งจัดเตรียมไว้ เมื่อนักท่องเที่ยวตกลง จะทำการเรียกรถตุ๊กๆที่เป็นเครือข่ายมารับ โดยบอกว่าจะไม่เสียค่าโดยสารหรือจ่ายค่าโดยสารในราคาถูก โดยทางรถตุ๊ก ตุ๊ก ก็จะนำนักท่องเที่ยวไปยังร้านเครือข่าย โดยมีการตกลงส่วนแบ่งกับร้านค้าที่ตุ๊ก ตุ๊ก จะได้คือ 20-30 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวได้ดำเนินการจับกุมตุ๊ก ตุ๊ก จำนวน 4 วิน จำนวน 21 คันที่เป็นเครือข่ายของขบวนการนี้ด้วย

“ฝากถึงผู้ประกอบการทั้งหลาย ว่าอย่าเอาเปรียบนักท่องเที่ยว หากเราสืบทราบว่ามีการหลอกลวงก็จะดำเนินการจับกุมทันที ทั้งนี้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ถูกหลอก มาร้องเรียนผ่านทั้งทางอีเมล์และเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว โดยเฉพาะในพื้นที่กทม.และปริมณฑลเป็นจำนวนมาก” พ.ต.อ. ศุภพล กล่าว

เบื้องต้นสามล้อที่เป็นเครือข่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมในความผิดเรื่องจอดรถในที่ห้ามจอด ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 และสร้างความเดือนร้อนรำคาญ นำส่งสถานีตำรวจในท้องที่เพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนร้านขายสินค้าในเครือข่าย จะนำเอกสารที่ตรวจยึดมาได้ มาตรวจสอบว่ามีการชำระภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ และมีการดำเนินการ มีสลากสินค้าแต่การแสดงสลากสินค้าไม่ถูกต้อง ตามพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ม.52 โดย ปคบ.เป็นผู้ร้องทุกข์ ส่วนบริษัททัวร์ที่เป็นเครือข่ายแจ้งพักใช้ใบอณุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวฯ เนื่องจากไม่ปฎิบัติตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ 2551