อัปเดต ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน 'ไทย' เตรียมเจรจา 'กัมพูชา' ที่จันทบุรี

สำนักข่าวอัลจาซีราห์ รายงานการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน สมัยพิเศษ สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย เผย ไทยเสนอเจรจากัมพูชาที่ จ.จันทบุรีในวันพุธ
สำนักข่าวอัลจาซีราห์ รายงานว่า สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย แถลงข่าวหลังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน สมัยพิเศษ ในวันจันทร์ (22 ธ.ค.) ณ กรุงกัวลาร์ลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ว่า ไทยได้เสนอจัดประชุมกับกัมพูชา ที่ จ.จันทบุรี ในวันพุธ และยินดีกลับมาหารือเรื่องการหยุดยิงอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การหารือจะไม่มีสหรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง และว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไทย-กัมพูชา ต้องแก้ไขปัญหาของตนเอง ขณะที่จีนก็เป็นพันธมิตรที่สำคัญ แต่ปัญหาต้องได้รับการแก้ไขแบบทวิภาคี
สำหรับการหยุดยิง ไทยเรียกร้องต้องมีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน เนื่องจากการใช้ทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคลถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพดินแดนของไทย
และว่าการหยุดยิงจะใช้เวลานานเท่าที่จำเป็น และไทยต้องการคำมั่นสัญญาที่แน่วแน่ รวมถึงแผนดำเนินการอย่างละเอียดเกี่ยวกับการหยุดยิงเบื้องต้น
กัมพูชาเสนอเจรจาวันพุธที่ 24 ธ.ค.
สีหศักดิ์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประชุมในวันพุธด้วยว่า "การหารือจะจัดขึ้นภายใต้กรอบการทำงานของคณะกรรมธิการเขตแดนร่วม (JCB) ที่มีอยู่แล้ว"
คณะกรรมการดังกล่าวเป็นกลไกทวิภาคีที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสำรวจ กำหนดเขตแดน และเจรจาเกี่ยวกับพรมแดนทางบกที่เป็นข้อพิพาทระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่แผนที่ในยุคฝรั่งเศสและข้อตกลงในภายหลังที่ไม่ชัดเจน
“การประชุมมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 24 ธันวาคม ซึ่งเป็นข้อเสนอจากฝ่ายกัมพูชา” รัฐมนตรีต่างประเทศไทยกล่าว “จุดยืนของเราคือ การหยุดยิง ซึ่งไม่ได้มาจากการประกาศ แต่ต้องมาจากการกระทำ”
ไทยยืนยันกัมพูชาต้องหยุดยิงก่อน
ตามรายงานของอัลจาซีราห์ ระบุว่า ฝ่ายไทยบอกว่า กัมพูชาดำเนินการก่อนหากต้องการให้การหยุดยิงเกิดขึ้น และว่ากัมพูชาต้องหยุดยิง
นับตั้งแต่เริ่มความขัดแย้ง ฝ่ายไทยยังคงยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายิงก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่กัมพูชาโต้แย้ง
ขณะนี้ ไทยต้องการให้กัมพูชาหยุดการยิง โดยระบุว่า หลังจากนั้นกองทัพจะประเมินและให้คำแนะนำต่อรัฐบาลไทยว่า การหยุดยิงสามารถดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืนหรือไม่
ไทยระบุต่อว่า เมื่อถึงขั้นนั้นแล้ว จึงจะสามารถเริ่มดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงที่ลงนามไว้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาที่ลงนามต่อหน้าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ และนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
ทั้งนี้ ในพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนสมัยพิเศษ โมฮัมมัด ฮาซาน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียแสดงความหวังว่าการประชุมนี้จะช่วยกระตุ้นความพยายามฟื้นฟูเสถียรภาพอีกครั้ง
“ผมหวังว่าการประชุมสมัยพิเศษนี้จะช่วยฟื้นความพยายามของพวกเราในการสู่ความมีเสถียรภาพในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ อาเซียนต้องทำทุกวิถีทางที่จำเป็นต่อการรักษาความสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค” ฮาซัน กล่าว และว่า “เป้าหมายของเราไม่ได้จำกัดอยู่แค่การลดความตึงเครียด เราต้องสร้างความไว้วางใจให้มากยิ่งขึ้นระหว่างฝ่ายที่ขัดแย้งกัน และเปิดช่องทางการเจรจาแม้ยังมีความเห็นต่างกันอยู่ก็ตาม"
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลงว่า สหรัฐยังคงเรียกร้องให้กัมพูชาและไทยยุติการสู้รบ ถอนอาวุธหนัก ยุติการวางทุ่นระเบิด และปฏิบัติตามข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์อย่างเต็มที่ รวมถึงกลไกในการเร่งดำเนินเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม และแก้ไขปัญหาชายแดน
นอกจากนี้ สหรัฐยังได้แสดงความยินดีกับการประชุมสุดยอดอาเซียนในวันนี้ที่กดดันให้ทั้งสองประเทศปฏิบัติตามพันธสัญญาหยุดยิง
กัมพูชาไม่มีแต้มต่อมากนัก
นักวิเคราะห์อี ซุน โอ มองว่า สมาชิกอาเซียนประเทศอื่นๆ อาจใช้แรงกดดันร่วมต่อรัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชาและไทยในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
"ผู้ที่มีบทบาทสำคัญกดดันอยู่เบื้องหลังคือสหรัฐ และยังไม่แน่ชัดว่าสหรัฐจะเลือกใช้ไม่อ่อนหรือไม้แข็ง” อี กล่าว
ด้านที่ปรึกษาหลักจากศูนย์วิจัยแปซิฟิกของมาเลเซีย (Pacific Research Center of Malaysia) บอกว่า จีนก็ปราถนาที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายไม่ถลำลึกความขัดแย้งไปมากกว่านี้ และชี้ว่าจีนเพิ่งรับเสด็จพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย และยังคงมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับราชวงศ์กัมพูชา
นักวิเคราะห์บอกว่า สหรัฐอาจขู่ด้วยกำหนดมาตรการลงโทษทางการเงิน หรือเพิ่มปริมาณการค้าหรือการลงทุนเพื่อจูงใจทั้งสองฝ่ายให้บรรลุข้อตกลงก็ได้
"น่าเสียดายที่ฝ่ายกัมพูชาดูเหมือนไม่มีแต้มต่อมากนักในการเจรจา ดังนั้น ไทยจึงอยู่ในสถานะได้เปรียบมากกว่า และสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อกัมพูชามากที่สุดคือการหาทางบรรลุข้อตกลงรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง"







